ตามที่ เมื่อปี 2559 กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประกาศนโยบาย “ฝากครรภ์คุณภาพ” โดยให้หญิงตั้งครรภ์ ที่มีความเสี่ยงต่ำมาฝากครรภ์อย่างน้อย 5 ครั้ง แต่ในช่วงเวลาเดียวกัน องค์การอนามัยโลกได้ศึกษาพบว่า อัตราการเกิดไร้ชีพของทารกในกลุ่มประเทศแอฟริกาเพิ่มขึ้น เมื่อฝากครรภ์ 5 ครั้ง จึงได้ประกาศคำแนะนำเป็นฝากครรภ์ 8 ครั้ง
ล่าสุด นายแพทย์ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวถึงประเด็นข้างต้น ซึ่งมีค่า นิวส์ สรุปได้ดังนี้ ในส่วนของประเทศไทยพบว่า ระหว่างปี พ.ศ. 2560-2564 ผลลัพธ์ด้านสุขภาพแม่และเด็ก ได้แก่
– อัตราส่วนการตายมารดา
– อัตราตายทารกแรกเกิดภายใน 28 วัน
แม้จะบรรลุเป้าหมาย SDGs ของโลก แต่ก็ยังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เช่นเดียวกันกับทารกแรกเกิดน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ การคลอดก่อนกำหนดและอัตราการเกิดไร้ชีพ ยังไม่ลดลง นอกจากนี้ งานวิจัยเรื่องสถานการณ์การฝากครรภ์ประเทศไทย พบว่า แท้จริงแล้วจำนวนครั้งของการฝากครรภ์โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 10 ครั้งต่อการตั้งครรภ์ แม้ในครรภ์ที่มีความเสี่ยงต่ำ
ทำให้ยังมีกลุ่มที่มาฝากครรภ์ครั้งแรก ช้ากว่าที่แนะนำ คือ หลังอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ มากถึงร้อยละ 25.7 ด้วยเหตุผลและความจำเป็นดังกล่าว และภาระงานเดิมการเพิ่มจำนวนครั้งในการฝากครรภ์เป็น 8 ครั้ง จึงอาจไม่เป็นปัญหาในทางปฏิบัติ แต่ต้องมุ่งเน้นคุณภาพให้ได้รับกิจกรรมตามคำแนะนำในแต่ละช่วงอายุครรภ์
ดังนั้น ในปี 2565 กระทรวงสาธารณสุข จึงได้มีการพัฒนาและยกระดับการฝากครรภ์ เพื่อให้หญิงตั้งครรภ์เข้าถึงบริการที่มีคุณภาพและเท่าเทียม โดยได้รับความร่วมมือจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ในการปรับค่าชดเชยกิจกรรมบริการฝากครรภ์ มุ่งเน้น 3 ประเด็น ดังนี้
1.การบริการฝากครรภ์คุณภาพตามแนวทางวิถีชีวิตใหม่ โดยเน้น ส่งเสริม สนับสนุน ให้หญิงตั้งครรภ์ ฝากครรภ์ก่อน 12 สัปดาห์ และฝากครรภ์ต่อเนื่องตามเกณฑ์ฝากครรภ์ 8 ครั้ง
2.หญิงตั้งครรภ์ต้องได้รับบริการตามกิจกรรมที่กำหนดไว้ในแต่ละช่วงอายุครรภ์อย่างครบถ้วนตามแนวทางการฝากครรภ์คุณภาพสำหรับประเทศไทย พ.ศ. 2565
3.จัดเครือข่ายบริการฝากครรภ์และมีระบบส่งต่อไปยังสถานบริการที่มีศักยภาพ
ขณะที่นายแพทย์จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ระบุว่า สิทธิประโยชน์บริการดูแลการฝากครรภ์ เป็นสิทธิประโยชน์ที่ สปสช.ให้แก่หญิงตั้งครรภ์ ที่เป็นคนไทยทุกสิทธิ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย กิจกรรมบริการที่หญิงตั้งครรภ์จะได้รับเป็นไปตามแนวทางการดูแลหญิงตั้งครรภ์แนวใหม่ขององค์การอนามัยโลก ซึ่งมีการปรับเปลี่ยน ดังนี้
1.ปรับแนวทางการจ่ายค่าบริการฝากครรภ์ใหม่ จากเดิมเบิกจ่ายได้จำนวน 5 ครั้ง เป็นไม่จำกัดจำนวนครั้งของการฝากครรภ์ กล่าวคือ หากแพทย์ที่ดูแลพิจารณาแล้วเห็นว่ามีความจำเป็น สามารถนัดตรวจติดตามเพื่อดูแลมากกว่า 8 ครั้งได้
2.ปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้สามี/คู่ของหญิงตั้งครรภ์ทุกรายได้รับการตรวจคัดกรองโรคซิฟิลิส และโรคธาลัสซีมีย พร้อมกับหญิงตั้งครรภ์ เพื่อเป็นการป้องกันการติดเชื้อจากสามีสู่หญิงตั้งครรภ์และส่งผลต่อทารกในครรภ์ สามารถเข้ารับบริการได้กับหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพทุกแห่งที่สะดวก
อย่างไรก็ตาม ในการฝากครรภ์ แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์รับบริการที่หน่วยบริการ ที่อยู่ใกล้บ้าน หรือ ที่สะดวกในการไปใช้บริการเป็นประจำ โดยไม่ควรเปลี่ยนหน่วยบริการฝากครรภ์หลายแห่ง เพื่อเป็นประโยชน์ในการดูแลครรภ์ที่ต่อเนื่อง