ตามนโยบายกระทรวงสาธารณสุข ที่เล็งเห็นความสำคัญให้ฉีดวัคซีนโควิดสำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี ชนิด Pfizer เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคโควิด-19 ป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรงและเสียชีวิต รวมทั้งการกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาที่โรงเรียน ส่งเสริมการศึกษาให้ทั่วถึงและเท่าเทียม กระตุ้นพัฒนาการทักษะทางสังคม ตามความสมัครใจของผู้ปกครองและดุลยพินิจของแพทย์
ล่าสุด นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ย้ำเตือนผู้ปกครองควรต้องเฝ้าระวังอาการข้างเคียงหลังฉีดวัคซีนในกลุ่มเด็ก 5-11 ปี ด้วย โดยอาการที่อาจเกิดขึ้น ภายหลังการฉีดวัคซีนไฟเซอร์สูตรเด็ก ได้แก่ ปวด บวม แดง บริเวณที่ฉีด ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย มีไข้ ดังนั้น ก่อนการฉีดควรเตรียมตัวเด็กให้พร้อม รับประทานอาหารและน้ำตามปกติ พักผ่อนให้เพียงพอ
ด้านนายแพทย์อดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี เปิดเผยว่า เท่าที่ผ่านมา ทางโรงพยาบาลไม่พบอาการข้างเคียงรุนแรงในเด็กกลุ่มนี้ แต่ยังจำเป็นต้องสังเกตอาการหลังการฉีดอย่างน้อย 30 นาที ในสถานที่ฉีดวัคซีนด้วยเสมอ ส่วนอาการข้างเคียงทั่วไปหลังฉีดวัคซีน พบน้อยกว่ากลุ่มเด็กโตและผู้ใหญ่
อาการดังกล่าวสามารถหายได้เอง เมื่อรับประทานยาลดไข้และพักผ่อนให้เพียงพอ ทั้งนี้ หลังฉีดวัคซีน ผู้ปกครองควรดูแลไม่ให้บุตรหลานออกกำลังกาย ปีนป่าย วิ่ง ว่ายน้ำ หรือออกกำลังกายที่ใช้แรงมาก เป็นระยะเวลา 7 วัน เพื่อป้องกันภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ
หากเกิดอาการรุนแรงหลังรับวัคซีน เจ็บหน้าอก หายใจเร็ว เหนื่อยง่าย ใจสั่น ไข้สูงมากกว่า 39 องศาเซลเซียส ปวดหัวรุนแรง อาเจียน รับประทานอาหารไม่ได้หรือซึม ไม่รู้สึกตัว ควรพบแพทย์ทันที เพื่อรักษาและติดตามอาการ หลังจากรับวัคซีนแล้วยังคงต้องให้เด็กล้างมือ สวมใส่หน้ากากอนามัย และรักษาระยะห่างตามหลักการของการป้องกันโรคโควิด-19
อ่านเพิ่มเติม >> https://mekhanews.com/2022/02/09/after-child-vaccination-against-covid-you-should-refrain-from-exercising-for-7-days/