น.ส. ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 8 มีนาคม 2565 เห็นชอบให้ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นภาคีสถาบันวัคซีนนานาชาติ (International Vaccine Institute : IVI) อย่างสมบูรณ์ และอนุมัติให้ประเทศไทยสนับสนุนงบประมาณแก่ IVI ปีละ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3.25 ล้านบาท โดยใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี หมวดเงินอุดหนุนของกระทรวงสาธารณสุข เริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ 2566 เป็นต้นไป และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำสัตยาบันสาร เพื่อการเข้าร่วมเป็นภาคี IVI อย่างสมบูรณ์
สำหรับ IVI จัดตั้งขึ้น โดยข้อริเริ่มของสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNPD) มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เกาหลีใต้ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความมั่นคงในการเข้าถึงวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย การวิจัย พัฒนา และปรับปรุงวัคซีนชนิดใหม่ รวมถึงการเสริมสร้างศักยภาพของประเทศกำลังพัฒนาในด้านการพัฒนา การผลิต และการนำเข้าวัคซีน มีหน้าที่ดำเนินการ 4 โครงการหลัก ได้แก่
1. ให้ความช่วยเหลือด้านการฝึกอบรมและช่วยเหลือทางเทคนิคเกี่ยวกับเทคโนโลยีการผลิตวัคซีน
2. ดำเนินการศึกษาวิจัยในห้องปฏิบัติการและภาคสนาม
3. ประเมินวัคซีน โดยการวิจัยเชิงทดลองทางคลินิกและภาคสนาม
4. ร่วมมือกับผู้ผลิตวัคซีนเพื่อส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาวัคซีน
ซึ่งประเทศไทยได้ร่วมลงนามในข้อตกลงว่าด้วยการจัดตั้ง IVI พร้อมธรรมนูญแนบท้ายข้อตกลง เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2539 แต่ยังไม่ได้เป็นภาคีโดยสมบูรณ์จนกว่าจะมีการให้สัตยาบัน
สำหรับประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจากการที่ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นภาคี IVI อย่างสมบูรณ์ จะช่วยเสริมสร้างโอกาสในการศึกษา พัฒนาความรู้และศักยภาพในด้านการวิจัยและพัฒนาวัคซีนทั้งภายในและภายนอกประเทศจากโครงการความร่วมมือต่าง ๆ เช่น
1. โครงการวิจัยและพัฒนาวัคซีนสำหรับการทดลองในมนุษย์
2. โครงการทดลองในห้องปฏิบัติการศูนย์เฝ้าระวังโรค รวมถึงได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านวัคซีน
3. การพัฒนาบุคลากรด้านวัคซีน
4. การยกระดับความสัมพันธ์กับ IVI และประเทศสมาชิกให้มากขึ้น
ทั้งนี้ สอดคล้องกับนโยบายวัคซีนแห่งชาติของประเทศไทย ที่สนับสนุนการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่หลากหลายในด้านการวิจัย พัฒนา และผลิตวัคซีน เพื่อพัฒนาศักยภาพด้านวัคซีนของประเทศไทย มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ของโลก