การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับสายการบินไทยแอร์เอเชีย ดำเนินงานร่วมกันในการส่งเสริมการเดินทางของนักท่องเที่ยวจากตลาดระยะใกล้ ที่สอดคล้องกับแผนการบินภายในภูมิภาคของแอร์เอเชีย โดยนายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการ ททท.ด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ มองว่า การเดินทางท่องเที่ยวของตลาดต่างประเทศเข้าไทยปี 2565 มีแนวโน้มดีขึ้น เพราะมีปัจจัยสนับสนุนทั้งเรื่องการกระจายวัคซีนที่เข้าถึงประชากรโลกมากขึ้น นโยบายการรับมือและการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโควิดของชาติต่าง ๆ เพื่อให้ประเทศเดินหน้า กลุ่มประเทศในภูมิภาคคเอเชียและแปซิฟิกเริ่มผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มในการเดินทางข้ามพรมแดน เพื่อให้เดินทางได้สะดวก (ease of travelling)
ทั้งนี้ ประเมินจำนวนและรายได้ตลาดต่างประเทศปี 2565 ตามคาดการณ์การฟื้นตัวของตลาดโลก หากสถานการณ์ฟื้นตัวดี (Best Case Scenario) นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางระหว่างประเทศได้อย่างไม่มีเงื่อนไข รวมถึงเปิดการเดินทางในพื้นที่จังหวัดชายแดน ซึ่งปัจจุบันมีการเปิดรับแล้วในจังหวัดหนองคาย อุดรธานี สงขลา และสตูล จึงคาดหวังว่านักท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศที่เดินทางเข้าไทยโดยรวมในปีนี้ จะมีจำนวน 10 ล้านคน รายได้ 625,800 ล้านบาท โดยเป็นสัดส่วนของตลาดระยะใกล้ จากภูมิภาคอาเซียนประมาณ 1.1 ล้านคน จากแปซิฟิกใต้ (ประเทศออสเตรเลีย) ประมาณ 200,000 คน และเอเชียใต้ (อินเดีย) ประมาณ 450,000 คน คาดว่าจะเริ่มเดินทางได้ในเดือนเมษายน 2565 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ จำนวนเที่ยวบิน (Flight Capacity) และจำนวนที่นั่ง (Seat Capacity) จากตลาดต่างประเทศเข้าไทยจะเป็นอีกปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ โดย ททท. ต้องขอขอบคุณไทยแอร์เอเชียที่เข้ามาช่วยเติมเต็มการเข้าถึงให้กับนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางได้โดยสะดวกจากแต่ละจุดบิน ขณะที่นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย ในส่วนความร่วมมือจากไทยแอร์เอเชีย เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือนเมษายนนี้ไทยแอร์เอเชียได้ทยอยเปิดเส้นทางบินระหว่างประเทศต่อเนื่องครอบคลุมตลาดอาเซียนเเละเอเชียใต้ 7 ประเทศ รวม 18 เส้นทาง ได้เเก่
1. เวียดนาม
2. กัมพูชา
3. มาเลเซีย
4. อินโดนีเซีย
5. สิงคโปร์
6. มัลดีฟส์
7. อินเดีย
อย่างไรก็ตาม มีเป้าหมายสำคัญในการดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพเดินทางเข้าประเทศไทย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยวเเละธุรกิจเกี่ยวเนื่องหลังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ยาวนานตลอด 2 ปี โดยที่ผ่านมาสายการบินได้ทำงานร่วมกับ ททท. อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอดพร้อมกำหนดเเผนกลยุทธ์ที่เเตกต่างกันตามศักยภาพแต่ละตลาดเพื่อให้ตรงโจทย์มากที่สุดโดยยังคงมาตรฐานด้านสุขอนามัยในการเดินทางที่เข้มข้น
สำหรับแผนดำเนินงาน ของ ททท. โดยสำนักงาน ททท. ในพื้นที่ของภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้และแปซิฟิกใต้เตรียมส่งเสริมการตลาดลักษณะ Joint Promotion ในรูปแบบวิธีการต่าง ๆ เช่น
1. ตลาดสิงคโปร์ เตรียมกิจกรรมเสนอขายกับแอร์เอเชีย ในแคมเปญ Rediscover Thailand เส้นทางสิงคโปร์-ดอนเมือง และสิงคโปร์-ภูเก็ต เริ่มวันที่ 11-24 เมษายน 2565 เน้นกลุ่ม Millennials และ Young Couple เดินทางจริงเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม 2565 คาดว่าจะขายได้ 3,000 ที่นั่ง
2. ตลาดมาเลเซีย จากที่รัฐบาลมาเลเซียประกาศเปิดประเทศในวันที่ 1 เมษายน 2565 ทำให้คนมาเลเซียเริ่มอยากเดินทางท่องเที่ยว โดยสำนักงานกัวลาลัมเปอร์จะเร่งผลักดันการเดินทางของกลุ่ม Leisure เตรียมแคมเปญ Health & Wellness in Amazing Thailand ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม 2565รับส่วนลดพิเศษจาก Let’s Relax Spa เมื่อโชว์ Boarding Pass จากแอร์เอเชีย เป้าหมายการขาย 1,000 ที่นั่ง รวมถึงการสนับสนุนประชาสัมพันธ์ 3 เส้นทางที่จะบินจากมาเลเซียเข้าไทย ได้แก่ ปีนัง / กัวลาลัมเปอร์และยะโฮร์บาห์รู เพื่อช่วยขยายการรับรู้ยิ่งขึ้น
3. ตลาดอินโดนีเซีย โดยสำนักงาน ททท. จาการ์ตา รอความชัดเจนในตารางบินเส้นทางจาการ์ตา-ดอนเมือง และบาหลี-ดอนเมือง
4. ตลาดกัมพูชา นำเสนอแคมเปญ Endless Relaxing Fun in Thailand เปิดเส้นทางบินจากพนมเปญและเสียมราฐ ระยะเวลา 3 เดือนตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม 2565 คาดว่าจะขายได้ 1,000 ที่นั่ง โดย ททท. สำนักงานโฮจิมินห์ (ดูแลตลาดเวียดนาม ลาว กัมพูชา) จะรับผิดชอบเนื้อหาการสื่อสารเน้นไปยังกลุ่ม FIT, Millennial Family ที่สนใจด้าน health &wellness และ medical tourism เป็นหลัก ซึ่งจะมอบส่วนลดพิเศษค่าบัตรโดยสารเครื่องบินและค่าโรงแรมที่พักเมื่อจองแพ็คเกจผ่าน Air asia Super App
5. ตลาดเวียดนาม นำเสนอแคมเปญ Fly with The World’s Champion. Discover A Whole New Thailand แอร์เอเชียยังมีเส้นทางบินจากโฮจิมินห์ ฮานอย และดานัง ซึ่งเน้นไปยังกลุ่ม Family with Kids, และ FIT ในกลุ่ม Leisure ทั่วไปเสนอขายช่วงเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2565 เป้าหมายการขาย 11,000 ที่นั่ง
6. ตลาดอินเดีย โดยสำนักงานในพื้นที่จะร่วมดำเนินกิจกรรมกับแอร์เอเชีย โดยแอร์เอเชียจะกำหนดราคาบัตรโดยสารที่เหมาะสมเพื่อเป็นการดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวอินเดีย และจะร่วมกันประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ รวมถึงทำ blogger / influencer trip ร่วมกัน โดยเส้นทางที่อยู่ในแผนการบิน ได้แก่ บังกาลอร์ เจนไน โกลกาตา โคจิ และชัยปุระ ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสทางการตลาดในพื้นที่เมืองรองของอินเดียด้วย