นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 3 พฤษภาคม 2565 เห็นชอบโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2565 วงเงิน 1,925.07 ล้านบาท เพื่อให้เกษตรกรมีเครื่องมือจัดการความเสี่ยงด้านภัยพิบัติผ่านระบบการประกันภัย และเป็นการต่อยอดความช่วยเหลือของภาครัฐในการรองรับต้นทุนการเพาะปลูกข้าวให้กับเกษตรกรเมื่อประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ซึ่งรูปแบบโครงการส่วนในปีนี้ จะมีลักษณะเช่นเดียวกันกับปี 2564 โดยรัฐบาลอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัย Tier 1 ร้อยละ 60 และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) อุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัย Tier 1 ร้อยละ 40 ซึ่งมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไข มีค่า นิวส์ สรุปมาให้ ดังนี้
1. ค่าเบี้ยประกันภัยพื้นฐาน Tier 1 แยกเป็น 2 กลุ่ม คือ
– กลุ่มลูกค้าสินเชื่อ ธ.ก.ส. ค่าเบี้ยประกันภัย 99 บาทต่อไร่ พื้นที่เป้าหมาย 28 ล้านไร่ โดยรัฐอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยให้ 59.40 บาทต่อไร่ (ร้อยละ 60) และ ธ.ก.ส.จะอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยให้อีก 39.60 บาทต่อไร่ (ร้อยละ 40)
– กลุ่มลูกค้าเกษตรกรทั่วไป ค่าเบี้ยประกันภัยแยกเป็นพื้นที่ความเสี่ยงต่ำ 99 บาทต่อไร่ พื้นที่ความเสี่ยงปานกลาง 199 บาทต่อไร่ พื้นที่ความเสี่ยงสูง 218 บาทต่อไร่ รวมพื้นที่เป้าหมายไม่เกิน 5 แสนไร่ โดยรัฐอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยให้ 59.40 บาทต่อไร่เท่ากันทุกพื้นที่ความเสี่ยง
2. ค่าเบี้ยประกันภัยแบบสมัครใจ Tier 2 พื้นที่เป้าหมาย 5 แสนไร่ ซึ่งเกษตรกรจะต้องเป็นผู้ชำระเอง แบ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงต่ำ 27 บาทต่อไร่ พื้นที่เสี่ยงปานกลาง 60 บาทต่อไร่ และพื้นที่เสี่ยงสูง 110 บาทต่อไร่
สำหรับวงเงินความคุ้มครอง ครอบคลุมภัยศัตรูพืช หรือโรคระบาดและภัยพิบัติธรรมชาติ 7 ภัย ได้แก่
1. น้ำท่วมหรือฝนตกหนัก
2. ภัยแล้ง
3. ฝนแล้งหรือฝนทิ้งช่วง
4. ลมพายุหรือพายุไต้ฝุ่น
5. ภัยอากาศหนาวหรือน้ำค้างแข็ง ลูกเห็บ
6. ไฟไหม้
7. ช้างป่า
รายละเอียด คือ Tier 1 ให้วงเงินคุ้มครองภัยธรรมชาติจำนวน 1,190 บาทต่อไร่ และภัยศัตรูพืชหรือโรคระบาด จำนวน 595 บาทต่อไร่ ส่วน Tier 2 ให้วงเงินคุ้มครองภัยธรรมชาติจำนวน 240 บาทต่อไร่ และภัยศัตรูพืชหรือโรคระบาด จำนวน 120 บาทต่อไร่
ทั้งนี้ รัฐบาลขอประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรร่วมทำประกันภัยข้าวนาปี เพื่อเป็นการลดความสูญเสียหากเกิดความเสียหายจากภัยธรรมชาติและศัตรูพืช หรือโรคระบาด สำหรับเกษตรกรที่สนใจสามารถซื้อกรมธรรม์ได้ที่ ธ.ก.ส.ทุกสาขา