หลายคนคงมีคำถามมากมายว่า ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายกัญชา หรือมีการปลดล็อกกัญชา แล้วผู้ต้องขังคดีต่าง ๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับคดีกัญชา จะทำอย่างไร มีค่า นิวส์ เลยนำข้อมูลมาฝาก เพื่อไขข้อข้องใจเหล่านั้น
กรมราชทัณฑ์ เริ่มปล่อยตัวและเปลี่ยนแปลงโทษผู้ต้องขังคดีความผิดเกี่ยวกับพืชกัญชาตามหมายศาล ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2565 ที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งส่งผลให้การผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย เสพ หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งพืชกัญชา หรือการกระทำอื่นเกี่ยวกับพืชกัญชาก่อนวันที่ 9 มิถุนายน 2565 จะไม่เป็นความผิดอีกต่อไป และให้ผู้ที่ได้กระทำการนั้นพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิด ถ้ามีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษแล้วให้ถือว่าผู้นั้นไม่เคยต้องคำพิพากษาว่าได้กระทำความผิดนั้น หากรับโทษอยู่ก็ให้การลงโทษนั้นสิ้นสุดลง โดยเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันนี้ (9 มิถุนายน 2565)
นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า กรมราชทัณฑ์ ได้ให้การช่วยเหลือแก่ผู้ต้องขังในการขอปล่อยตัว หรือขอเปลี่ยนแปลงกำหนดโทษ พร้อมตรวจสอบและจัดส่งคำร้องของผู้ต้องขังที่ได้สำรวจไปยังศาลที่ออกหมายจำคุก ให้ศาลออกหมายปล่อยตัว สำหรับผู้ต้องขังที่กระทำความผิดเฉพาะคดีพืชกัญชาเพียงคดีเดียว หรือกำหนดโทษใหม่ในกรณีศาลพิพากษารวมกับความผิดฐานอื่นด้วย แล้วส่งหมายดังกล่าวกลับมายังเรือนจำและทัณฑสถานที่ถูกควบคุมอยู่ เพื่อให้ดำเนินการตามหมายศาลต่อไป
ซึ่งในวันที่ 9 มิถุนายน 2565 มีผู้ต้องขังที่กระทำความผิดเกี่ยวกับพืชกัญชาคดีเดียว และจะต้องได้รับการปล่อยตัวตามหมายศาล ทั้งสิ้น 3,071 ราย ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 8 มิถุนายน 2565) กรมราชทัณฑ์ มีผู้ต้องขังที่กระทำความผิด คดีเกี่ยวกับพืชกัญชาที่อยู่ในความควบคุมของกรมราชทัณฑ์ ทั้งสิ้น 4,075 ราย แยกเป็นผู้ต้องขังที่กระทำความผิดเกี่ยวกับพืชกัญชาคดีเดียว 3,071ราย และกรณีที่กระทำความผิดฐานอื่นร่วมด้วย 1,004 ราย
ส่วนผู้ต้องขังรายใด จะได้รับการปล่อยตัวหรือเปลี่ยนแปลงโทษ จำนวนเท่าใด จะขึ้นอยู่กับจำนวนของคดี ลักษณะความผิดที่ได้กระทำ และการพิจารณาของศาลที่ออกหมายจำคุก
สำหรับญาติผู้ต้องขังรายใด ต้องการสอบถามรายละเอียดการยื่นคำร้อง สามารถติดต่อได้ที่เรือนจำและทัณฑสถานที่ถูกควบคุมตัวอยู่ โดยค้นหาช่องทางการติดต่อเรือนจำและทัณฑสถานได้ที่ Line Official Account กรมราชทัณฑ์ : @thaidoc
ที่มา: กระทรวงยุติธรรม