ตอนนี้ไม่ว่าจะเดินไปทางไหน ก็สามารถพบเห็นอาหาร และเครื่องดื่มที่มีการผสมของกัญชาลงไป แต่เชื่อไหมครับว่า ปัจจุบันนี้มีกฎหมายที่ระบุถึงร้านค้า หรือสถานที่ที่จะขายอาหารและเครื่องดื่มที่มีกัญชาเป็นส่วนผสม เพื่อควบคุมการขาย และทำให้มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภคมากที่สุด โดย มีค่า นิวส์ เอาความรู้ด้านกฎหมายมาฝาก เพื่อให้ผู้ที่จะขาย และผู้บริโภคได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ถ้าหากพบเห็นร้านค้าไม่น่าไว้วางใจ สามารถแจ้งได้เช่นเดียวกันครับ
นายแพทย์อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า สถานประกอบกิจการร้านอาหารและร้านเครื่องดื่มผสมกัญชา ซึ่งมีลักษณะเป็นอาคาร สถานที่ หรือบริเวณใด ๆ ที่ไม่ใช่ที่หรือทางสาธารณะที่จัดไว้เพื่อประกอบอาหารหรือปรุงอาหารจนสำเร็จและจำหน่ายให้ผู้ซื้อสามารถบริโภคได้ทันทีภายในร้าน หรือนำไปบริโภคที่อื่นเข้าข่ายเป็น “สถานที่จำหน่ายอาหาร” ตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยมาตรา 38 กำหนด
- ให้ผู้ใดจะจัดตั้งสถานที่จำหน่ายอาหารในอาคาร หรือพื้นที่ใดซึ่งมีพื้นที่เกิน 200 ตารางเมตรและไม่ใช่เป็นการขายของในตลาด ต้องได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น
- หากสถานที่ดังกล่าวมีพื้นที่ไม่เกิน 200 ตารางเมตร ต้องแจ้งต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น เพื่อขอรับหนังสือรับรองการแจ้งก่อนการจัดตั้ง
นอกจากนี้ ในกรณีที่ผู้บริโภคพบเจอสถานที่ตั้งของร้านอาหารออนไลน์สามารถแจ้งต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นในเขตพื้นที่ที่ร้านดังกล่าวตั้งอยู่เพื่อตรวจสอบว่าร้านดังกล่าวได้รับใบอนุญาตหรือได้รับหนังสือรับรองการแจ้งจัดตั้งสถานที่จำหน่ายอาหารตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุขหรือไม่ โดยหากพบว่ามีการจัดตั้งสถานที่จำหน่ายอาหารหรือประกอบกิจการโดยไม่ได้รับใบอนุญาตหรือไม่ได้รับหนังสือรับรองการแจ้งมีโทษตามมาตรา 72 แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ดังนี้
- ผู้ใดจัดตั้งสถานที่จำหน่ายอาหารซึ่งมีพื้นที่เกิน 200 ตารางเมตรโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือ
- ผู้ใดจัดตั้งสถานที่จำหน่ายอาหารซึ่งมีพื้นที่ไม่เกิน 200 ตารางเมตร โดยไม่มีหนังสือรับรองการแจ้ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 25,000 บาท
อย่างไรก็ตาม ประชาชนยังควรมีความรอบรู้ เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคอาหาร โดยเลือกซื้ออาหารจากสถานที่จำหน่ายอาหาร หรือแหล่งผลิตอาหารที่มีความน่าเชื่อถือ สามารถตรวจสอบที่มาหรือแหล่งผลิตได้ รวมทั้งต้องได้รับใบอนุญาต หรือหนังสือรับรองการแจ้งสถานที่จำหน่ายอาหารตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข
ที่มา: กระทรวงสาธารณสุข