น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 รับทราบและเห็นชอบ มาตรการรองรับฤดูแล้ง 2565/2566 และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วงปี 2566
เพื่อแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากสถานการณ์ขาดแคลนน้ำ รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดการสร้างอาชีพ รายได้ และการจ้างแรงงานให้กับประชาชนหรือผู้ได้รับผลกระทบ ตามที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ กนช. เสนอ โดยโครงการดังกล่าวมี สาระสำคัญ แบ่งออกเป็น 3 ด้าน 10 มาตรการ ดังนี้
1. ด้านน้ำต้นทุน ประกอบด้วย 3 มาตรการ
1.1 เร่งเก็บกักน้ำในแหล่งน้ำทุกประเภท โดยเร่งเก็บน้ำ สูบทอยน้ำ คือการสูบน้ำเป็นทอด ๆ จากแหล่งน้ำไปสู่พื้นที่เป้าหมาย ส่วนเกินในช่วงปลายฤดูฝนไว้ใช้ในฤดูแล้ง
1.2 เฝ้าระวังและเตรียมจัดหาแหล่งน้ำสำรอง พร้อมวางแผน เตรียมเครื่องจักรเครื่องมือในพื้นที่เฝ้าระวังเสี่ยงขาดแคลนน้ำ โดยคาดการณ์ชี้เป้าพื้นที่เฝ้าระวังเสี่ยงขาดแคลนน้ำ พร้อมทั้งติดตามและประเมินสถานการณ์ตลอดฤดูแล้ง
1.3 ปฏิบัติการเติมน้ำ โดยจัดทำแผนปฏิบัติการฝนหลวง รองรับพื้นที่เฝ้าระวังเสี่ยงขาดแคลนน้ำ และแผนปฏิบัติการ และปฏิบัติการเติมน้ำใต้ดินในพื้นที่ที่มีศักยภาพ
2.ด้านความต้องการใช้น้ำ ประกอบด้วย 4 มาตรการ
2.1 กำหนดแผนจัดสรรน้ำและพื้นที่เพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุน และควบคุมการใช้น้ำของพื้นที่ลุ่มน้ำตอนบนให้เป็นไปตามแผนและมีประสิทธิภาพ
2.2 เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำภาคการเกษตร โดยส่งเสริมการปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกพืชเพื่อลดการใช้น้ำ และนำเทคโนโลยีมาช่วยบริหารจัดการน้ำ
2.3 เตรียมน้ำสำรองสำหรับพื้นที่ลุ่มต่ำรับน้ำนอง โดยการสนับสนุนจัดสรรน้ำเตรียมแปลงเพาะปลูกนารอบที่ 1 (นาปี) และจัดทำแผนการรับน้ำเข้า-ออกพื้นที่ลุ่มต่ำในการเพาะปลูกพืชและเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
2.4 เฝ้าระวังคุณภาพน้ำในแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำสายรอง รวมถึง แหล่งน้ำที่รับน้ำจากภาคอุตสาหกรรม การเกษตร และชุมชน รวมทั้งเตรียมแผนปฏิบัติการรองรับกรณีเกิดปัญหาและแจ้งเตือนพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบ
3.ด้านการบริหารจัดการ ประกอบด้วย 3 มาตรการ
3.1 เสริมสร้างความเข้มแข็งด้านการบริหารจัดการน้ำของชุมชน ที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำโดยสร้างความรู้ ความเข้าใจในการวางแผน การใช้น้ำจากแหล่งน้ำที่มีอยู่ และเตรียมจัดหาน้ำสำรอง และกักเก็บให้มีน้ำเพียงพอสำหรับอุปโภคบริโภค
3.2 สร้างการรับรู้ประชาสัมพันธ์สถานการณ์และแผนบริหารจัดการน้ำ เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการใช้น้ำอย่างประหยัดและเป็นไป ตามแผนที่กำหนด
3.3 ติดตามและประเมินผลการด าเนินงานให้เป็นไปตามแผน และหากพบการขาดแคลนน้ำหรือภัยแล้งให้รายงานมายัง กองอำนวยการน้ำแห่งชาติและ กนช. รวมทั้งประเมินผล การดำเนินงานตามมาตรการ พร้อมสรุปบทเรียน
โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อรองรับ สถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง ปี 2566 ในพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำหรือพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดในพื้นที่ทั่วประเทศหรือจำเป็นต้องเร่งรัดดำเนินการ เพื่อแก้ไขและบรรเทาปัญหาโดยเร่งด่วน เช่น
1.ปรับปรุง/ซ่อมแซมอาคารชลศาสตร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การใช้งาน ก่อสร้าง
2.ปรับปรุงบ่อน้ำบาดาลและระบบประปา เพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน ให้แก่พื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำหรือพื้นที่ใกล้เคียง ในระยะเวลาดำเนินการ 120 วัน นับตั้งแต่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ เช่น ปรับปรุง/ซ่อมแซมอาคารชลศาสตร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การใช้งาน ก่อสร้าง
3.ปรับปรุงบ่อน้ำบาดาลและระบบประปา เพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน ให้แก่พื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำหรือพื้นที่ใกล้เคียง