มะเร็งโคนลิ้น เป็นส่วนหนึ่งของมะเร็ง คอหอยส่วนปาก หรือที่เรียกว่า มะเร็งคอหอยหลังช่องปาก กรมการแพทย์ เปิดเผยข้อมูลว่า แม้ปัจจุบัน มะเร็งโคนลิ้น จะพบได้น้อยในคนไทย โดยในแต่ละปีมีผู้ป่วยมะเร็งคอหอยส่วนปากรายใหม่ประมาณ 800 ราย ถือว่าน้อย ถ้าเทียบกับจำนวนผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ทั้งหมดประมาณ 140,000 ราย แต่ก็พบว่ามีแนวโน้มจะพบได้มากขึ้นเรื่อย ๆ
พฤติกรรมความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรค มะเร็งโคนลิ้น ได้แก่
1.การดื่มสุรา การสูบบุหรี่
2.เคี้ยวหมาก ร่วมกับใบยาสูบ
3.การติดเชื้อไวรัส Human papilloma virus (HPV) ซึ่งเป็นไวรัสที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้น การมีคู่นอนหลายคนและการมีเพศสัมพันธ์ทางปากจึงอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงโรคนี้ด้วย
4.ผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงของโรคมะเร็งโคนลิ้น ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย อายุ 50 ปีขึ้นไป แต่ผู้หญิงเองก็สามารถป่วยเป็นโรคนี้ได้เช่นกันหากมีพฤติกรรมเสี่ยงข้างต้น
การตรวจวินิจฉัยโรคมะเร็งโคนลิ้น สังเกตอาการตนเองง่าย ๆ ดังนี้
1.มีอาการกลืนลำบาก เจ็บคอเวลากลืนอาหาร
2.มีเลือดออกทางช่องปาก
3.ปวดหู พูดเสียงเปลี่ยน หรือมีก้อนที่คอ
หากมีอาหารดังกล่าว ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย โดยแพทย์จะทำการตรวจร่างกายส่องกล้องทาง หู คอ จมูก เพื่อตรวจในลำคอ หากจำเป็นแพทย์จะสั่งตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์หรือตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กเพิ่มเติม
การรักษา “มะเร็งโคนลิ้น” หรือมะเร็งคอหอยส่วนปาก อาจสามารถหายได้หากรีบเข้ารับการรักษาตั้งแต่ตอนที่รู้ตัวว่าป่วยในระยะเริ่มต้น เพราะยิ่งรู้ตัวเร็วก็จะรักษาได้อย่างทันท่วงที และมีโอกาสหายสูง
วิธีการรักษามะเร็งโคนลิ้น : สามารถทำได้ด้วยการให้รังสีและการผ่าตัด แต่ในกรณีที่เป็นมะเร็งโคนลิ้นในระยะลุกลามที่ผ่าตัดไม่ได้ จะเป็นการรักษาโดยให้รังสีรักษาควบคู่กับเคมีบำบัด ซึ่งทั้งหมดจำเป็นต้องประเมินโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
สำหรับการป้องกันโรคมะเร็งโคนลิ้น
1.งดสูบบุหรี่ งดดื่มสุรา
2.ควรมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย
3.หากมีอาการ หรือสงสัยว่ามีความเสี่ยงต่อมะเร็งคอหอยส่วนปาก ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย ซึ่งจะช่วยให้สามารถรักษาได้อย่างทันท่วงทีและลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งคอหอยส่วนปากได้
ที่มา : http://allaboutcancer.nci.go.th/