เชื่อว่าหลายคนมีใจรักสัตว์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อพบเจอลูกสุนัข ลูกแมวตัวเล็ก ๆ ที่เห็นว่าน่ารัก ทำให้มักชอบเข้าไปเล่นด้วย หรือให้อาหาร จึงเพิ่มโอกาสที่จะโดนสัตว์เหล่านั้นกัดได้มาก เพราะสัตว์อาจเข้าใจว่าเรากำลังไปแย่งอาหาร หรือเข้าไปทำร้าย ทั้งที่ใจจริงแล้วเราอยากช่วยเหลือสัตว์เหล่านั้น และถ้าหากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น เชื่อว่าหลายคนอาจทำตัวไม่ถูกแน่นอน ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ไปพบแพทย์หรือไม่ ทำให้มีค่า นิวส์ จึงนำเอาวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นมาฝากทุกคน
การป้องกัน และวิธีปฐมพยาบาล หากโดนสัตว์กัด มีดังนี้
- การป้องกันที่ดีที่สุด คือ อย่าแหย่ อย่าเหยียบ อย่าแยก อย่าหยิบ อย่ายุ่ง เช่น อย่าแหย่ให้สุนัขโมโห อย่าหยิบชามอาหารขณะสุนัขกำลังกิน อย่ายุ่งกับสุนัขนอกบ้านหรือที่ไม่ทราบประวัติ
- กรณีถูกกัด
– ให้รีบล้างแผลด้วยสบู่และน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง ใส่ยาฆ่าเชื้อ เช่น เบตาดีน
– รีบไปพบแพทย์โดยทันที เพื่อรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคอย่างเหมาะสม
– กักขังสัตว์ที่กัด สังเกตอาการอย่างน้อย 10 วัน หากสุนัขหรือแมวเสียชีวิต ให้รีบแจ้งผู้นำชุมชนที่อยู่ใกล้ที่สุด และแจ้งปศุสัตว์ในพื้นที่ เพื่อส่งสัตว์ที่สงสัยตรวจหาเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าทางห้องปฏิบัติการ - หลังจากถูกกัด
– ควรรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าอย่างต่อเนื่องครบชุดตามเวลาที่แพทย์นัด ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะฉีดเพียง 4 – 5 ครั้งเท่านั้น
อาการของโรคพิษสุนัขบ้า หลังจากรับเชื้อ ผู้ป่วยจะแสดงอาการ ดังนี้
- เบื่ออาหาร เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว มีไข้ อ่อนเพลีย ชา เจ็บเสียว หรือปวดบริเวณรอยแผลที่ถูกกัด คันอย่างรุนแรงที่แผล
- มีอาการกระสับกระส่าย ไม่ชอบเสียงดัง เพ้อเจ้อ กลัวแสง กลัวลม กลัวน้ำ กลืนลำบาก โดยเฉพาะของเหลว และกล้ามเนื้อขากระตุก
- แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก
- อาจชัก เกร็ง เป็นอัมพาต หมดสติ และเสียชีวิตในที่สุด
อาการของสัตว์ที่สงสัยว่าอาจเป็นโรคพิษสุนัขบ้า มีดังนี้
- มีอาการหางตก
- เดินโซเซ
- น้ำลายย้อย
- ลิ้นห้อย
- ตาขวาง