นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 31 มกราคม 2566 เห็นชอบขยายระยะเวลาการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ถึงสิ้นสุดปีงบประมาณ 2566 จากเดิมสิ้นสุดปีงบประมาณ พ.ศ.2565
โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ มีสาระสำคัญ ดังนี้
1.คุณสมบัติเกษตรกร
- เป็นกลุ่มเกษตรกรที่มีสมาชิก 5 คนขึ้นไป
- มีพื้นที่รวมกันไม่ต่ำกว่า 100 ไร่ โดยต้องมีทะเบียนเกษตรกร มีเอกสารสิทธิ์ในพื้นที่ เป็นต้น
2.รูปแบบการส่งเสริม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สนับสนุนเงินอุดหนุนแก่เกษตรกรที่ผ่านการประเมินตามที่กำหนดไม่เกินรายละ 15 ไร่ แบ่งการจ่ายเงิน 3 ระยะ ต่อเนื่อง 3 ปี ดังนี้
- ระยะเตรียมความพร้อม (T1) สนับสนุนเงินอุดหนุน ไร่ละ 2,000 บาท
- ระยะปรับเปลี่ยน (T2) สนับสนุนเงินอุดหนุน ไร่ละ 3,000 บาท
- ระยะการรับรองมาตรฐานการผลิตข้าวอินทรีย์ (Organic Thailand) (T3) สนับสนุนเงินอุดหนุน ไร่ละ 4,000 บาท (เกษตรกรจะร่วมโครงการฯ ที่ระยะ T1 และเมื่อผ่านการประเมินจะเลื่อนเป็นระยะ T2 และ T3 ในปีถัดไป ตามลำดับ)
3.ระยะเวลาโครงการฯ 5 ปี (ปี 2560-2564) โดยจะรับเกษตรกรเฉพาะปี 2560-2562 เพื่อให้สอดคล้องกับการประเมิน 3 ระยะ (T1, T2 และ T3) ที่ต่อเนื่อง 3 ปี
4.วงเงินงบฯ 9,696.52 ล้านบาท (ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 11 เม.ย. 60)
5.ประโยชน์ที่คาดจะได้รับ
- สามารถผลิตข้าวเปลือกอินทรีย์ได้ประมาณ 400,000 ตัน
- สร้างกลุ่มชาวนาที่มีความเข้มแข็ง
- รักษาระบบนิเวศและสภาพแวดล้อมให้มีความสมดุล
สำหรับปี 2564 กรมการข้าว ยังไม่สามารถจ่ายเงินอุดหนุนได้ เนื่องจากผลผลิตข้าวอินทรีย์ส่วนใหญ่ จะเก็บเกี่ยวในช่วง พ.ย.-ธ.ค. ของทุกปี ซึ่งในการประชุม นบข.เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2565 มีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการ เพื่อให้สอดคล้องกับฤดูเก็บเกี่ยวข้าวอินทรีย์ รวมทั้งเพื่อให้กรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีระยะเวลาพอเพียงในการตรวจสอบสิทธิเกษตรกร เพื่อจ่ายเงินอุดหนุนแก่เกษตรกรที่เหลือ โดยให้เสร็จสิ้นภายในปีงบฯ 2566
ทั้งนี้ โครงการฯ ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2560 ตามแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปี 2560/2561 โดยมีกรอบวงเงิน 9,696.52 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ ให้ได้พื้นที่ 1 ล้านไร่ และให้เกษตรกรได้รับการรับรองการผลิตข้าวตามมาตรฐาน ข้าวอินทรีย์ (Organic Thailand) จำนวน 66,700 คน ภายในปี 2564 ซึ่งผลการดำเนินการระหว่างปี 2560-2564 มีกลุ่มเกษตรกรกลุ่ม T1, T2 และ T3 ที่เข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 94,888 คน (จำนวน 4,636 กลุ่ม) และมีพื้นที่ปลูกข้าวอินทรีย์ที่ร่วมโครงการฯ
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวในที่ประชุม ครม. โครงการฯ สอดคล้องกับโครงการข้าวรักษ์โลก และแนวทาง BCG ของรัฐบาล จึงเห็นสมควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มขีดความสามารถในการส่งออกสินค้าไทย พัฒนาช่องทางการขายข้าวอินทรีย์ เช่น
1.การค้าออนไลน์ เพื่อให้สินค้าสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้โดยตรง ตลอดจนพัฒนา
2.การตลาดและการแปรรูปผลิตภัณฑ์ข้าวอินทรีย์เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคทุกช่วงวัย ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้ข้าวอินทรีย์และผลิตภัณฑ์จากข้าวอินทรีย์มีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดภายในประเทศและระหว่างประเทศ
**ระหว่างรอรับเงินอุดหนุนฯ แวะเข้าไปช้อปที่ SE-ED Books ทุกวันจันทร์-ศุกร์ โปร Flash sale ลด 30% จำกัดเวลา 24 ชม. มีค่า นิวส์ พาไปช้อป >> คลิกเลย