Mekha News (มีค่านิวส์) : เว็บไซต์ข่าว ที่จะนำเสนอข่าวสารเพื่อรักษาสิทธิให้กับคุณ

หลงลืม พูดติดขัด หนึ่งใน อาการ โรคสมองเสื่อม แพทย์ชี้แนวทางรับมือ ก่อนสายเกินไป

Asian old woman in a hospital

ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย หรือ Aging Society อย่างสมบูรณ์ เมื่อปี 2565 และกลุ่มผู้สูงอายุ ก็จะมีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคตอันใกล้ สำหรับลูกหลานร่างกายและความคิดความอ่านที่เสื่อมถอยของคุณพ่อคุณแม่ที่บ้าน ก็อาจทำให้เราเป็นห่วงและไม่สบายใจ หลาย ๆ คนก็กลัวว่าผู้ใหญ่ที่บ้านเมื่ออยู่เฉย ๆ ไม่ได้ทำอะไรก็จะหลงลืม จนส่งผลต่อการใช้ชีวิตเพียงลำพัง

นพ.กฤตวิทย์ รุ่งแจ้ง อายุรแพทย์ผู้ชำนาญการด้านสมองและระบบประสาท ศูนย์สมองและระบบประสาท โรงพยาบาลวิมุต

นพ.กฤตวิทย์ รุ่งแจ้ง อายุรแพทย์ผู้ชำนาญการด้านสมองและระบบประสาท ศูนย์สมองและระบบประสาท โรงพยาบาลวิมุต มาช่วยเล่าถึงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อโรคสมองเสื่อม รวมถึงอาการที่เข้าข่าย และแนวทางการดูแลเมื่อคนใกล้ตัวได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคดังกล่าว

โรคสมองเสื่อม ไม่ใช่แค่อัลไซเมอร์

“ก่อนอื่นเลยอยากให้เข้าใจความแตกต่างของโรคสมองเสื่อมกับโรคอัลไซเมอร์ โดย ‘กลุ่มโรคสมองเสื่อม หรือ Dementia’ หมายถึง ภาวะที่การทำงานของการรับรู้ลดลง โดยเริ่มจากการทำงานของสมองขั้นสูงด้านในด้านหนึ่งในทั้งหมด 6 ด้าน ได้แก่

1.ด้านสมาธิ

2.ด้านการตัดสินใจและการวางแผน

3.ด้านความจำ

4.ด้านการใช้ภาษา

5.ด้านมิติสัมพันธ์

6.ด้านการเข้าสังคม

ความผิดปกติที่กล่าวมานี้ ล้วนส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันทั้งสิ้น ในขณะที่ โรคอัลไซเมอร์ เป็นโรคสมองเสื่อมชนิดหนึ่งที่ส่งผลต่อความจำ กระบวนการคิด และพฤติกรรม เป็นหลัก ซึ่งหมายความว่าผู้เป็นโรคสมองเสื่อมบางรายอาจไม่ได้เป็นอัลไซเมอร์” นพ. กฤตวิทย์ รุ่งแจ้ง อธิบาย

ทำไม “สมองเสื่อม” จึงพบมากในผู้มีอายุ 65 ปีขึ้นไป

โรคสมองเสื่อม รวมถึงโรคอัลไซเมอร์ มักพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะวัย 65 ปีขึ้นไป เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับความเสื่อมถอยของร่างกาย เมื่อคนเราอายุมากขึ้น เซลล์สมองและหลอดเลือดในสมองอาจได้รับความเสียหายมากขึ้น  โดยจะมีการสะสมของโปรตีนชนิดหนึ่งที่เรียกว่า เบต้า-อะไมลอยด์ (beta-amyloid) ซึ่งมีผลต่อการทำงานของโครงข่ายประสาทในสมอง

นอกจากนี้ เมื่อคนเรามีอายุมากขึ้น ก็มีแนวโน้มที่จะป่วยเป็นโรคอื่น ๆ ที่จะมาเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะสมองเสื่อม เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และโรคหัวใจขาดเลือด เป็นต้น จากการวิจัยยังไม่สามารถฟันธงได้ว่าพฤติกรรมใดที่นำไปสู่โรคสมองเสื่อม แต่ปัจจัยด้านพันธุกรรม สิ่งแวดล้อม และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ล้วนมีบทบาทสำคัญในการทำให้เกิดโรค

ที่น่าตกใจ คือ พบว่า คนอายุน้อยก็สามารถเป็นโรคสมองเสื่อมได้ แต่สาเหตุมักเกิดจากพันธุกรรม การประสบอุบัติเหตุที่ส่งผลกระทบกระเทือนต่อเนื้อสมอง การใช้สารเสพติดหรือยานอนหลับบางชนิด การติดเชื้อเอชไอวีหรือซิฟิลิส หรือโรคสมองอักเสบจากภาวะแพ้ภูมิต้านทานตัวเอง (Autoimmune encephalitis)

สัญญาณเตือนและอาการเข้าข่าย ที่ควรสังเกตของโรคสมองเสื่อม

อาการเริ่มต้นของภาวะสมองเสื่อม ที่คนที่บ้านควรช่วยกันสังเกต คือ อาการหลงลืมเรื่องใหม่ที่เกิดขึ้นได้ไม่นาน รวมถึง ความลำบากในการใช้ภาษาสื่อสาร ใช้คำผิด พูดจาติดขัด หลงทิศทางและสถานที่ เริ่มมีปัญหาในการจัดการงานที่เป็นขั้นเป็นตอน หรือไม่สามารถทำการตัดสินใจ วางแผน และคิดวิเคราะห์ได้เหมือนเดิม ซึ่งอาจส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์และพฤติกรรมในชีวิตประจำวันได้ เมื่อมีอาการเหล่านี้ คนที่บ้านสามารถสังเกตและรีบพาไปพบแพทย์เพื่อทำการประเมินได้

ภาวะสมองเสื่อม จะวินิจฉัยโดยอาศัยประวัติทางการแพทย์จากผู้ป่วยและญาติ การตรวจร่างกายโดยแพทย์ การตรวจเลือดในห้องปฏิบัติการ และการตรวจคัดกรองปริชานปัญญา (MoCA หรือ TMSE) เพื่อประเมิน ความตั้งใจ, สมาธิ, การบริหารจัดการ, ความจำ, ทักษะสัมพันธ์ของสายตากับการสร้างรูปแบบ, ความคิดรวบยอด, การคิดคำนวณ และการรับรู้สภาวะรอบตัว

เป็นสมองเสื่อมแล้วหายได้ไหม ชวนรู้จักแนวทางการป้องกัน

ในปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานว่า มียาที่สามารถรักษาโรคให้หายขาดได้ แต่อาจมียาบางกลุ่มที่สามารถใช้รักษาบรรเทาอาการและการรักษาประคับประคองโรค โดยวิธีเลือกยารักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุและอาการของผู้ป่วยแต่ละราย การรักษาโดยไม่ใช้ยา เช่น

1.กิจกรรมบำบัด (Occupational therapy) สามารถช่วยฟื้นฟูความจำและให้ผู้ป่วยกลับมาทำกิจกรรมประจำวันได้

2.กิจกรรมอรรถบำบัด (Speech therapy) ในผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านการพูดสื่อสาร

3.การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยตัวผู้ป่วยเอง (Lifestyle modification) ก็มีประโยชน์อย่างมากในการช่วยฟื้นฟูอาการของโรคสมองเสื่อม

“ตอนนี้ ยังไม่มียาที่ใช้ป้องกันภาวะสมองเสื่อมได้ แต่เราก็มีวิธีลดความเสี่ยงในการเกิดโรคได้ เช่น ออกกำลังกายเป็นประจำ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ไม่สูบบุหรี่ ดูแลสุขภาพและรักษาโรคเรื้อรังประจำตัวให้หาย ทำกิจกรรมที่ฝึกสมอง เช่น อ่านหนังสือ และสุดท้าย คือการตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปีเพื่อรู้เท่าทันทุกโรคภัย นั่นเอง” นพ. กฤตวิทย์ รุ่งแจ้ง กล่าวสรุป

ผู้ที่สนใจต้องการปรึกษาแพทย์โรงพยาบาลวิมุต ติดต่อได้ที่ ชั้น 6 ศูนย์สมองและระบบประสาท หรือ โทรนัดหมาย 02-079-0068 เวลา 08.00-20.00 น. หรือสามารถเรียกรถฉุกเฉินได้ที่ เบอร์โทร 02-079-0191

Exit mobile version