นายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข รักษาราชการแทนอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยถึงการเตรียมพัฒนาศักยภาพของ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ 15 แห่งทั่วประเทศ เพื่อให้เป็นศูนย์ความเป็นเลิศ บริการครอบคลุมชุดสิทธิประโยชน์ ทั้งการตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรม การตรวจมะเร็งปากมดลูก การตรวจวัณโรค ประชาชนเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้ครอบคลุมมากขึ้น ยกตัวอย่าง ที่ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 3 นครสวรรค์ มีผลงานที่โดดเด่น ดังนี้
1.การตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรม ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการที่มีขนาดการให้บริการใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และปัจจุบันมีการพัฒนา การตรวจคัดกรอง ด้วยวิธี Non-Invasive Prenatal Testing (NIPT) ซึ่งเป็นการตรวจคัดกรองความเสี่ยงของความผิดปกติ ทางโครโมโซมของทารกในครรภ์จากเลือดแม่ที่มีความแม่นยำสูง 99% และมีความไวและความแม่นยำกว่าวิธี Quadruple Test (QT) ที่ใช้อยู่เดิม
ทั้งนี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผลักดันการตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรม ด้วยวิธี NIPT ให้เข้าสู่สิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพต่อไป ซึ่งมีความปลอดภัยกับทารกในครรภ์มากกว่าการเจาะน้ำคร่ำ เพื่อให้ เด็กเกิดใหม่มีคุณภาพ เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคต อีกทั้งช่วยลดภาระงานของแพทย์ในการเจาะน้ำคร่ำอีกด้วย
2.การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ด้วยวิธี HPV DNA test สามารถตรวจระบุทั้ง 14 สายพันธุ์ เสี่ยงสูงที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูก ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานในปี 2564 ได้รับตัวอย่างเพื่อตรวจคัดกรอง จำนวน 28,870 ราย จากจังหวัดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ตรวจพบสายพันธุ์เสี่ยงสูง จำนวน 2,220 ราย คิดเป็นร้อยละ 7.69 ในปี 2565 ได้รับตัวอย่าง 13,309 ราย ตรวจพบสายพันธ์เสี่ยงสูง จำนวน 1,133 ราย คิดเป็นร้อยละ 8.51
ในปี 2566 มีการพัฒนารูปแบบการคัดกรองมะเร็งปากมดลูก โดยใช้ชุดเก็บตัวอย่างด้วยตนเอง (HPV Self-Sampling) นำร่องในพื้นที่จังหวัดชัยนาทผ่านเครือข่ายวิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชนของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ร่วมกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ บางสายพันธุ์วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกยังไม่ครอบคลุม ความสำเร็จการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเชิงรุกด้วยชุดเก็บตัวอย่างตนเองที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้หญิงไทยในพื้นที่ห่างไกลเข้าถึงระบบบริการสุขภาพได้ทั่วถึง ช่วยให้ตรวจพบร่องรอยโรคได้ไว และนำสู่การรักษาได้รวดเร็วขึ้น
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ประชาชนในทุกพื้นที่ได้เข้าถึงระบบบริการสุขภาพ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จึงเตรียมพัฒนาศักยภาพของศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ 15 แห่งที่กระจายอยู่ทุกภูมิภาค ครอบคลุมทั้ง 12 เขตสุขภาพ