นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดโครงการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ประกันสังคมมาตรา 40 สู่เครือข่ายประกันสังคม รุ่นที่ 2 ณ โรงเรียนนราสิกขาลัย จังหวัดนราธิวาส โดยมีนายปรีชา นวลน้อย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม คณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ผู้ประกันตน เครือข่ายประกันสังคม พร้อมเจ้าหน้าที่ร่วมกิจกรรม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า โครงการนี้มีจุดประสงค์เพื่อรณรงค์เชิญชวนกลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระ เช่น พ่อค้า แม่ค้า คนขับรถรับจ้าง เกษตรกร ที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีบริบูรณ์ ถึง 65 ปีบริบูรณ์ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ประกอบอาชีพอิสระ ซึ่งถือเป็นแรงงานสำคัญในระบบเศรษฐกิจของประเทศ ให้สามารถเข้าถึงสิทธิความคุ้มครองสูงสุด 5 กรณี ได้แก่ เงินทดแทนการขาดรายได้เมื่อเจ็บป่วย ทุพพลภาพ ค่าทำศพ บำเหน็จชราภาพ และสงเคราะห์บุตร
ทั้งนี้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของกลุ่มแรงงานอิสระให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายหลักของกระทรวงแรงงาน การสร้างรากฐานเศรษฐกิจ พัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยการคุ้มครองแรงงาน โดยปัจจุบันมีผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ในจังหวัดนราธิวาส จำนวน 301,276 คน พร้อมนี้ได้มีพิธีมอบเกียรติบัตรให้แก่เครือข่ายที่สนับสนุนงานประกันสังคมดีเด่น และการมอบสิ่งของเครื่องอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในการใช้ชีวิตประจำวันให้กับผู้ประกันตนที่ทุพพลภาพ ซึ่งอยู่ในการดูแลของสำนักงานประกันสังคมจังหวัดนราธิวาส จำนวน 2 ราย
1.รายแรก คือ นางอนงค์ แซ่ภู่ อายุ 67 ปี เป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 ทุพพลภาพจากอาการเส้นเลือดในสมองแตก
2.รายที่ 2 คือ นายกรุณา มณีแสง อายุ 66 ปี เป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 ทุพพลภาพจากโรคจากไตวายเรื้อรังและโรคเบาหวาน
ด้านนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน กล่าวเสริมว่า สำนักงานประกันสังคม ต้องการเน้นย้ำความสำคัญของประกันสังคมมาตรา 40 ที่ให้การคุ้มครองแก่แรงงานนอกระบบ และเพิ่มพูนศักยภาพของเครือข่ายประกันสังคม ให้มีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ที่ผู้ประกันตนจะได้รับ ให้สามารถขยายผล รณรงค์ให้แรงงานภาคอิสระ เข้าสู่ระบบประกันสังคมเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ภายในงาน ยังมีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการรับสมัครผู้ประกันตนมาตรา 40 การออกร้านจำหน่ายสินค้าของกลุ่มเครือข่ายประกันสังคม ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน รวมทั้งการจัดกิจกรรมของภาคีเครือข่ายอีกด้วย