นายแพทย์อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากการเฝ้าระวังสถานการณ์ PM2.5 ในประเทศ พบเกินค่ามาตรฐานในหลายจังหวัด อยู่ระหว่าง 10.5-79.2 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และจะยังคงมีแนวโน้มเกินมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง เพราะอัตราการระบายอากาศต่ำมาก ประกอบกับกิจกรรมมนุษย์ทั้งการจราจร การเผา
ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนได้ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ กลุ่มผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ และผู้มีโรคประจำตัว โดยอาจพบอาการเฉียบพลัน เช่น อาคารระคายเคืองตา จมูก และผิวหนัง รวมถึง อาการในระดับรุนแรงถึงขั้นแน่นหน้าอก หายใจลำบาก หายใจมีเสียงหวีด เหนื่อยง่ายได้
สำหรับวิธีป้องกันสุขภาพตัวเอง ประชาชนสามารถทำได้ง่าย ๆ และที่อยากแนะนำ คือ การทำ ห้องปลอดฝุ่น เพื่อลดความเสี่ยงในการสูด PM2.5 เข้าสู่ร่างกาย โดยเฉพาะในบ้านที่มีกลุ่มเสี่ยง เพื่อป้องกันฝุ่นภายนอกเข้าไปในห้อง
วิธีทำ ห้องปลอดฝุ่น
1.เลือกห้องที่อยู่ห่างจากแหล่งกำเนิดฝุ่นต่าง ๆ
2.ทำความสะอาดห้อง เก็บวัสดุที่เป็นแหล่งสะสมฝุ่นออก
3.ปิดผนึกรอยรั่ว ช่องว่างต่าง ๆ ภายในห้อง
4.งดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่นหรือควันเพิ่มมากขึ้น เช่น การเผาเศษวัสดุทางการเกษตร จุดเทียนธูป รวมทั้งกิจกรรมอื่น ๆ ที่เป็นแหล่งก่อกำเนิดควัน
5.เพิ่มประสิทธิภาพการลดฝุ่นในห้อง เช่น การใช้เครื่องฟอกอากาศ ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าว ควรมีขนาดที่เหมาะสมกับห้อง
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดทำห้องปลอดฝุ่นในสถานบริการสาธารณสุขในพื้นที่เสี่ยง และผลักดันให้สถานที่ เช่น โรงเรียน ศูนย์เด็กเล็ก ศูนย์ผู้สูงอายุ และอื่น ๆ จัดทำ ห้องปลอดฝุ่น เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าใช้บริการในช่วงที่ฝุ่นสูงได้ ปัจจุบันมีมากกว่า 3,000 ห้อง ซึ่งประชาชนสามารถค้นหาห้องปลอดฝุ่นที่อยู่ใกล้ได้ เรียนรู้วิธีทำห้องปลอดฝุ่น และความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับห้องปลอดฝุ่น ผ่านทางเวปไซต์ >> https://podfoon.anamai.moph.go.th และสามารถเข้าประเมินอาการตนเองได้ที่ 4healthPM2.5 เพื่อรับคำแนะนำในการดูแลสุขภาพเบื้องต้น หากมีอาการผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที หรือสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1478