กรมบัญชีกลาง ให้ บมจ. ธนาคารกรุงไทย พัฒนาแอปพลิเคชัน ถุงเงิน ที่รับชำระค่าสินค้า หรือบริการด้วยวงเงินสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ โดยผู้มีสิทธิจะต้องใช้บัตรประจำตัวประชาชนและรหัสคู่บัตร (PIN Code) 6 หลัก พร้อมทั้งสแกนใบหน้าสำหรับการยืนยันการชำระเงิน เพื่อให้มีความปลอดภัย ป้องกันสวมสิทธิ ซึ่งเริ่มใช้งานมา ตั้งแต่ 11 มี.ค. 67
ทั้งนี้ ยกเว้นกลุ่มผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง หรือ ผู้สูงอายุ ที่ไม่สามารถไปใช้สิทธิได้ด้วยตนเอง และได้ทำการยืนยันตัวตน (e-KYC) ด้วยตนเองแล้ว หากไม่สะดวกเดินทางไปใช้สิทธิที่ร้านค้าด้วยตนเอง สามารถมอบอำนาจให้ผู้ดูแลกรอกแบบฟอร์มหนังสือมอบอำนาจ และนำเอกสารไปดำเนินการที่ธนาคารกรุงไทย ทุกสาขา
วิธีสแกนใบหน้าผู้มีสิทธิ ให้ร้านค้าหรือผู้ประกอบการ ดำเนินการดังนี้
1. ให้ผู้มีสิทธิยืนในตำแหน่งของร้านค้าที่มีแสงสว่างเหมาะสม ไม่ยืนย้อนแสง ไม่มีเงาตกกระทบบนใบหน้า
2. ให้ผู้มีสิทธิถอดแว่นตก หมวก และหน้ากากอนามัย (ถ้ามี) ออก เก็บผมไว้หลังใบหูขณะทำรายการ
3. ให้ใบหน้าผู้มีสิทธิอยู่ในกรอบ พร้อมมองตรง ไม่เอียงศีรษะ ไม่ขยับหน้าไปมาขณะถ่ายรูปสแกนใบหน้า
ทั้งนี้ สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐเป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้มีสิทธิ ซึ่งมีชื่อระบุบนหน้าบัตรเท่านั้น ผู้มีสิทธิจะต้องเก็บและรักษาบัตรประจำตัวประชาชนและรหัสคู่บัตร (PIN Code) 6 หลัก ไว้ในที่ปลอดภัย เพื่อประโยชน์ในการรับความช่วยเหลือผ่านบัตรประจำตัวประชาชน
ส่วนร้านธงฟ้า ร้านค้าก๊าซหุงต้ม และผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะ จะต้องตรวจสอบรูปหน้าบนบัตรประจำตัวประชาชนทุกครั้งก่อนใช้สิทธิ หากพบว่าไม่ปฏิบัติตาม จะถูกเพิกถอนการเข้าร่วมโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Call Center บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หมายเลขโทรศัพท์ 02-109-2345 และ Call Center กรมบัญชีกลาง 02-270-6400 ในวันเวลาทำการ