มติคณะรัฐมนตรี วันที่ 21 มกราคม 2568 รับทราบการแก้ไขมาตรา 1523 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567 ที่แก้ปัญหาความไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 27 วรรคหนึ่ง วรรคสอง และวรรคสาม ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 13/2567 โดย กฎหมายฟ้องชู้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ปัจจุบัน) มีสาระสำคัญหลายข้อ
มีค่า นิวส์ สรุปได้ดังนี้
1.มาตรา 1523 เมื่อศาลพิพากษาให้หย่ากันเพราะเหตุตามมาตรา 1516 (1) คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีสิทธิได้รับค่าทดแทนจากคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง และจากผู้ซึ่งได้รับการอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่อง หรือผู้ซึ่งเป็นเหตุแห่งการหย่านั้น คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเรียกค่าทดแทนจากผู้ซึ่งล่วงเกินคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งไปในทำนองชู้ หรือจากผู้ซึ่งแสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงตนว่ามีความสัมพันธ์กับคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งในทำนองชู้ก็ได้
2.ถ้าคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยินยอม หรือรู้เห็นเป็นใจให้อีกฝ่ายหนึ่งกระทำการตามมาตรา 1516 (1) หรือให้ผู้อื่นกระทำการตามวรรคสอง คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนั้น จะเรียกค่าทดแทนไม่ได้
ทั้งนี้ การแก้ไขปรับปรุงบทบัญญัติดังกล่าว เป็นการแก้ไขข้อความจากเดิมที่ใช้คำว่า “สามีหรือภริยา” และ “ชู้สาว” เป็น “คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง” และ “คู่สมรสฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งในทำนองชู้” ซึ่งการปรับปรุงกฎหมายดังกล่าว จะส่งผลให้การเรียกค่าทดแทนของคู่สมรสแต่ละฝ่าย เกิดความเท่าเทียมกัน และสร้างความเป็นธรรมต่อบุคคล **มีผลบังคับใช้ในวันที่ 22 มกราคม 2568 เป็นต้นไป