ประวัติ เอกลาภ ยิ้มวิไล

เอกลาภ ยิ้มวิไล หรือ แบงค์ เป็นบุตรชายคนที่ 3 ในจำนวนพี่น้อง 3 คน ของ ดร.ไชยา ยิ้มวิไล อดีตอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนักจัดการรายโทรทัศน์และวิทยุ กับ นางทิพย์สุดา ยิ้มวิไล 

เอกลาภ ยิ้มวิไล จบการศึกษาด้านกฎหมายระดับปริญญาตรีจาก Bloomsbury London ระดับปริญญาโทจาก Georgetown University และ จบระดับปริญญาเอกด้านรัฐประศาสนศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยศรีปทุม

เอกลาภ ยิ้มวิไล มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายภาคธุรกิจการเงิน โดยเฉพาะการเงินและการทุน หลังสำเร็จการศึกษา เคยทำงานในบริษัทหลักทรัพย์เป็นเวลาเกือบสิบปี และดำรงตำแหน่งในฐานะกรรมการบริหารของบริษัท

จากประสบการ์ดังกล่าว เอกลาภ ยิ้มวิไล จึงเฟ้นหา Solution ที่ช่วยให้เกิดการกระจายความมั่งคั่งกับทุกคน จนได้พบกับนวัตกรรมของสินทรัพย์ดิจิทัล นำมาสู่การก่อตั้งบริษัท Zipmex 

จากนั้น เอกลาภ ยิ้มวิไล ได้ชักชวนพาร์ตเนอร์คนสำคัญที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีบล็อกเชน และมีประสบการณ์ในการตั้งบริษัทในต่างประเทศอย่าง มาร์คัส ลิม มาร่วมก่อตั้ง Zipmex ด้วยกัน

เอกลาภ ยิ้มวิไล ตั้งปณิธานว่า จะต้องผลักดัน Zipmex สู่การเป็นผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลเบอร์ 1 ระดับภูมิภาค Asia Pacific รวมทั้งทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญในการยกระดับเข้าถึงการเงินของผู้คน

ต่อมา เอกลาภ ยิ้มวิไล ถูกผู้เสียหายหลายรายยื่นฟ้องในฐานความผิดฉ้อโกงประชาชนรวมมูลค่าความเสียหายกว่า 1 พันล้านบาท โดยผู้เสียหายอ้างว่าบริษัทนำสินทรัพย์ดิจิทัลไปใช้ในการกู้ยืมเงินในต่างประเทศโดยผิดกฎหมาย เพื่อหวังกอบโกยประโยชน์ทางธุรกิจของพวกพ้อง

ล่าสุด เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 ศาลอาญากรุงเทพใต้ อ่านคำพิพากษาคดีดังกล่าว โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานและพิพากษาให้จำเลยมีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 และมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 พิพากษาลงโทษปรับบริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด เป็นเงิน 100,000 บาท และลงโทษจำคุก เอกลาภ ยิ้มวิไล เป็นเวลา 5 ปี ส่วนข้อหาอื่นให้ยกฟ้อง โดยการอ่านคำพิพากษาคดีนี้ ไม่ปรากฏการรอลงอาญา และจำเลยอาจอยู่ในช่วงการใช้สิทธิประกันตัว ทำให้เขาถูกนำตัวไปคุมขังในเรือนจำระหว่างรอคำสั่งประกันของศาลอุทธรณ์ ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการพิจารณาประมาณ 1-3 วัน

ขอบคุณข้อมูล ฐานเศรษฐกิจ, มติชนออนไลน์

ขอบคุณรูปภาพ asia.nikkei