นางแพตริเซีย มงคลวนิช อธิบดีกรมบัญชีกลาง ปฏิบัติราชการแทน รมว.การคลัง ลงนามในหนังสือที่ กค 0416.2/วอ 52 เรื่อง หลักเกณฑ์การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยโรคผิวหนังเรื้อรัง ซึ่งจำเป็นต้องใช้ยาที่มีค่าใช้จ่ายสูง (เพิ่มเติม) โดยให้มีผลใช้บังคับ สำหรับค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้น ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2568
สำหรับใจความของหนังสือฉบับดังกล่าว กำหนดหลักเกณฑ์เบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วย โรคผิวหนังเรื้อรัง ซึ่งจำเป็นต้องใช้ยาที่มีค่าใช้จ่ายสูง ตามระบบเบิกจ่ายตรง สำหรับผู้ป่วยโรคผิวหนังเรื้อรัง (DDPA) ประกอบด้วย โรคสะเก็ดเงิน และ โรคเพมฟิกัส ซึ่งจำเป็นต้องใช้ยา Etanercept, Inflixmab, Rituximab และ Secukinumab
รวมถึงกำหนดหลักเกณฑ์เบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยกลุ่มโรครูมาติก ซึ่งจำเป็นต้องใช้ยาที่มีค่าใช้จ่ายสูง ตามระบบเบิกจ่ายตรงสำหรับผู้ป่วย กลุ่มโรครูมาติก (RDPA) ประกอบด้วย โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคข้อและกระดูกสันหลังอักเสบ โรคข้ออักเสบไม่ทราบสาเหตุในเด็กชนิดมีอาการทางซิสเต็มมิก โรคข้ออักเสบไม่ทราบสาเหตุในเด็กชนิดไม่มีอาการทางซิสเต็มมิก ซึ่งจำเป็นต้องใช้ยา Adalimumab, Baricitinib, Etanercept, Inflixmab, Rituximab, Secukinumab, Tocilizumab และ Tofacitinib พร้อมกำหนดอัตราเบิกจ่ายค่ายา นั้น
ทั้งนี้ กรมบัญชีกลางพิจารณาแล้ว เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาพยาบาลตามความเหมาะสมจำเป็น ปลอดภัย และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อาศัยอำนาจตามความมาตรา 8 วรรคหนึ่ง (1) และวรรคสอง แห่ง พ.ร.ฎ.เงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล พ.ศ. 2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติม อธิบดีกรมบัญชีกลางโดยรับมอบอำนาจจาก รมว.การคลัง จึงเห็นควรดำเนินการ ดังนี้
1.กำหนดเพิ่มเติมรายการยาสำหรับการรักษา โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis) ในระบบ DDPA 2 ส่วน ได้แก่
1.1 ยา Dupilumab สำหรับรักษาผู้ป่วยเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 6 เดือน – 12 ปี
1.2 ยา Abrocitinib สำหรับรักษาผู้ป่ยอายุ 12 ปีขึ้นไป และยา Baricitinib สำหรับรักษาผู้ป่วยอายุ 2 ปีขึ้นไป
นอกจากนี้ ยังได้กำหนดแนวทางการกำกับการเบิกจ่ายค่ายาดังกล่าวแล้ว โดยสถานพยาบาลจะต้องดำเนินการลงทะเบียนแพทย์ผู้ทำการรักษา และส่งข้อมูลตามโปรโตคอลที่กำหนดในระบบ DDPA เพื่อขออนุมัติเบิกค่ายา หรือขอต่ออายุการเบิกค่ายา หรือขอหยุดการใช้ยา ตามแนวทางที่หน่วยงานซึ่งได้รับมอบหมายจากกรมบัญชีกลางกำหนด โดยให้เบิกจ่ายค่ายาในระบบเบิกจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น รวมทั้งการใช้ยาดังกล่าวต้องเป็นไปตามเงื่อนไขข้อบ่งชี้ที่กำหนด จึงจะสามารถเบิกจ่ายจากทางราชการได้
ส่วนกรณีการขออนุมัติเบิกจ่ายค่ายา Abrocitinib หรือยา Baricitinib ให้กรอกแบบบันทึกการรับทราบความเสี่ยงที่อาจเกิดจากยากลุ่ม JAK inhibitors และยินยอมรับการรักษาด้วยยา Abrocitinib หรือยา Baricitinib ในการรักษาโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis) เพื่อประกอบการพิจารณาอนุมัติการเบิกจ่ายค่ายาดังกล่าวด้วย
2.หากสถานพยาบาลมีการออกใบเสร็จรับเงินค่ายา Abrocitinib ยา Baricitinib และยา Dupilumab ให้แจงรายละเอียดชื่อรายการยา พร้อมทั้งระบุเป็น “ค่ายาที่เบิกไม่ได้” และไม่ให้ออกใบรับรองในการสั่งใช้ยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติ โดยผู้มีสิทธิจะไม่สามารถนำใบเสร็จรับเงินค่ายาดังกล่าวทุกรูปแบบ ขนาด และความแรงมายื่นเบิกเงินกับส่วนราชการต้นสังกัดได้
3.ยกเลิกอัตราเบิกจ่ายค่ายา Baricitinib ความแรง 2 มิลลิกรัม และ 4 มิลลิกรัม และกำหนดอัตราเบิกจ่ายค่ายา Abrocitinib ยา Baricitinib โดยให้เบิกจ่ายได้ไม่เกินอัตราที่กำหนด และให้ใช้กับการรักษาทุกข้อบ่งชี้ ที่กำหนดในระบบเบิกจ่ายตรงสำหรับผู้ปวยโรค หรือกลุ่มโรคซึ่งจำเป็นต้องใช้ยาที่มีค่าใช้จ่ายสูง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> คลิกที่นี่
