นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยว่า คณะกรรมการประกันสังคมเห็นชอบ หลักเกณฑ์และอัตราค่าบริการทางการแพทย์ กรณีการบำบัดทดแทนไต และการให้ยา Erythropoietin กรณีผู้ประกันตนที่ป่วยเป็นโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ในช่วงเวลาที่มีเหตุอันเกิดจากภัยพิบัติ มีผลใช้บังคับตั้งแต่ 10 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป
สาระสำคัญ เป็นการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประกันตนที่เจ็บป่วยด้วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย จำเป็นต้องได้รับการบำบัดทดแทนไต และรับยา Erythropoietin ซึ่งพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่เกิดภัยพิบัติ หรือเข้ารับการบำบัดทดแทนไตและรับยา Erythropoietin เป็นประจำใน สถานพยาบาลที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เกิดภัยพิบัติ ตามประกาศของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ดังนี้
1.ให้ผู้มีสิทธิที่เจ็บป่วยด้วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายสามารถยื่นเรื่องเกิน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่มีสิทธิ
2.ให้ผู้ประกันตนที่ได้รับการฟอกเลือดที่ใช้เวลาไม่ถึง 4 ชั่วโมงต่อครั้ง และน้อยกว่าหรือมากกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ตามความจำเป็นสามารถยื่นเบิกค่าบริการทางการแพทย์ได้
3.เพิ่มอัตราค่าบริการทางการแพทย์กรณีฟอกเลือดด้วยเครื่องฟอกไตเทียมได้เกินอัตราที่กำหนดเท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 2,000 บาทต่อครั้ง (เฉพาะรายที่มีหลักฐานแสดงถึงเหตุผลความจำเป็น)
4.กรณีผู้ประกันตนเข้ารับบริการทางการแพทย์หลังการปลูกถ่ายไต สามารถเข้ารับการรักษาได้ทั้งสถานพยาบาลที่ทำข้อตกลงกับสำนักงานประกันสังคม หรือสถานพยาบาลอื่นที่ผู้ประกันตนสะดวกเข้ารับบริการ
สิทธิประโยชน์ของสำนักงานประกันสังคม เรื่องการให้บริการรักษาโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย และกรณีเจ็บป่วยอื่น ๆ สำนักงานประกันสังคม มีมาตรฐานที่ทัดเทียมกับกองทุนต่าง ๆ ขอให้ผู้ประกันตนมีความเชื่อมั่นในการจัดสิทธิประโยชน์บริการทางการแพทย์ รวมถึงการกำกับสถานพยาบาลที่ให้การดูแลผู้ประกันตนอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐานและมีเป้าหมายสำคัญให้ผู้ประกันตนได้เข้าถึงบริการการรักษาที่มีคุณภาพให้มากที่สุด ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ประกันตนมีสุขภาพแข็งแรง ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังได้ในอนาคต เพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป
