นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 5 ตุลาคม 2564 เห็นชอบการจ่ายเงินอุดหนุนจำนวน 3,000 บาทต่อจำนวนลูกจ้าง ไม่เกิน 200 คน เพื่อช่วยพยุงการจ้างงานของธุรกิจเอสเอ็มอี เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงาน ตลอดจนสร้างความแข็งแรงให้แก่ธุรกิจ เป็นเวลานาน 3 เดือน ตามมติของ ศบศ. โดยมอบหมายให้กระทรวงแรงงาน ประสานกระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณาแนวการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้กับผู้ประกอบการในส่วนของรายได้จากเงินอุดหนุนดังกล่าว
พร้อมให้กระทรวงแรงงาน จัดทำรายละเอียดข้อเสนอต่อคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ พิจารณา ก่อนเสนอ ครม. พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป โดยผู้เข้าร่วมโครงการฯ ต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
1.จะต้องเป็นนายจ้างภาคเอกชนที่อยู่ในระบบประกันสังคม
2.มีการจ้างงานลูกจ้างสัญชาติไทยไม่เกิน 200 คน
3.ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการในเดือนตุลาคม 2564 และรับเงินอุดหนุนในเดือนที่ 1 – 3 (ตั้งแต่พฤศจิกายน 2564 ถึงมกราคม 2565)
เงื่อนไขการจ่ายเงินอุดหนุน
1.รัฐจ่ายเงินอุดหนุนเพื่อส่งเสริมและรักษาการจ้างงานให้แก่นายจ้าง ให้กับลูกจ้างสัญชาติไทย จำนวนไม่เกิน 200 คน ในอัตรา 3,000 บาท/คน/เดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน
2.เงินอุดหนุนคำนวณตามยอดการจ้างจริงทุกเดือน โดยพิจารณาจากจำนวนลูกจ้างที่นำส่งเงินสมทบประกันสังคม
3.นายจ้างจะต้องรักษาการจ้างงานไม่ต่ำกว่าร้อยละ 95 ในระหว่างร่วมโครงการ โดยหากต่ำกว่าร้อยละ 95 จะไม่ได้รับเงินอุดหนุนในเดือนนั้น ในกรณีนายจ้างมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น จะได้รับเงินอุดหนุนเพิ่มตามจำนวนการจ้างงานจริง ไม่เกินร้อยละ 5 ของจำนวนลูกจ้างสัญชาติไทย ณ วันเริ่มโครงการ
มาตรการนี้คาดว่าจะรักษาระดับการจ้างงานลูกจ้างสัญชาติไทยในธุรกิจ SMEs ที่มีลูกจ้างไม่เกิน 200 ราย ที่มีสถานประกอบการจํานวน 480,122 แห่ง และ จะสามารถรักษาการจ้างงานลูกจ้างได้จำนวน 5,040,176 คน