ประเทศไทยมีเกณฑ์อายุเกษียณที่ 55 ถึง 60 ปี และในทุก ๆ ปี จะมีผู้ที่เกษียณอายุการทำงานจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวค่ะ ซึ่ง เชื่อว่าผู้เกษียณอายุทุกคน ล้วนใฝ่ฝันถึงชีวิตหลังเกษียณ ที่จะได้ใช้ชีวิตสบาย ๆ มีเงินพอใช้จ่าย มีสุขภาพดี มีเวลาว่างสำหรับทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่เป็นความสุขของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการอยู่บ้านกับลูกหลาน ดูแลสัตว์เลี้ยง ทำสวน ทำงานอดิเรกที่ชอบ เดินทางท่องเที่ยวพักผ่อน พบปะสังสรรค์กับเพื่อนเก่า หรือ ทำงานช่วยเหลือสังคมตามที่กำลังและโอกาสเอื้ออำนวย
มีค่า นิวส์ จึงอยากชวนผู้เกษียณอายุ มาวางแผนเกษียณกัน เน้นทำง่าย มีเงินใช้ สุขใจตลอดชีพ ตามแผน 4 รู้ สู่การเกษียณสุข ดังนี้
1. รู้รายรับต่อเดือน แหล่งที่มา และความมั่นคงของรายรับ เช่น
– ข้าราชการจะได้รับบำเหน็จ หรือ บำนาญ และเงินจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)
– พนักงานบริษัทเอกชน จะได้รับเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนประกันสังคม
– เงินออมที่ได้เก็บหอมรอมริบมาตลอดชีวิตการทำงาน บวกกับผลประโยชน์จากการนำเงินไปลงทุน
2. รู้รายจ่ายต่อเดือน เทียบกับรายรับที่คาดว่าจะได้รับ
ส่วนใหญ่แล้ว ค่าใช้จ่ายประจำหลังเกษียณมักจะลดลง ซึ่งประเมินกันว่า ค่าใช้จ่ายต่อเดือนหลังเกษียณจะประมาณ 70% – 80% ของค่าใช้จ่ายต่อเดือนก่อนเกษียณ เช่น
หากก่อนเกษียณ มีค่าใช้จ่ายต่อเดือน 30,000 บาท ค่าใช้จ่ายหลังเกษียณจะประมาณ 21,000 – 24,000 บาท ทั้งนี้ ยังไม่รวมเงินเฟ้อ และค่ารักษาพยาบาลที่อาจเพิ่มขึ้นตามวัย
ดังนั้น การเริ่มต้นบันทึกรายรับ-รายจ่ายเสียตั้งแต่วันนี้ จะช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์ได้ว่า ในปัจจุบัน มีค่าใช้จ่ายต่อเดือนเท่าไหร่ และค่าใช้จ่ายรายการใดจะลดลงหรือหมดไป เมื่อเกษียณแล้ว
3. รู้หลักประกันความมั่นคงทางการเงิน (เงินเก็บ)
อย่างเช่น สวัสดิการที่เบิกได้ และความคุ้มครองของประกันสุขภาพ เพื่อเป็นหลักประกันว่าหากเกิดเหตุที่ไม่คาดฝันจะไม่กระทบกับจำนวนเงินที่จำเป็นสำหรับใช้จ่ายประจำ หากตรวจสอบแล้วพบว่าไม่ครอบคลุมเพียงพอ ควรพิจารณาออมหรือซื้อประกันเพิ่มเติม
4. รู้ปัจจัยที่อาจมีผลต่อรายรับ-รายจ่าย
อาทิ อัตราเงินเฟ้อ ปัจจัยทางเศรษฐกิจที่อาจกระทบต่ออัตราดอกเบี้ย จำนวนปีที่คาดว่าจะมีชีวิตอยู่หลังเกษียณ ลูกหลานที่อาจนำพาความเดือดเนื้อร้อนใจมาให้ เป็นต้น
สูตรคำนวณเงินที่ต้องมีในวันเกษียณ
การประมาณจำนวนเงินที่ต้องมีเพื่อใช้จ่ายหลังเกษียณนั้น แบ่งออกเป็น 2 แนวคิด คือ
1. การใช้เงินออมสำหรับใช้จ่าย
2. การใช้ดอกผลของเงินออมและเงินลงทุนสำหรับใช้จ่าย
หรือ อาจใช้ทั้ง 2 แนวคิดผสมกันก็ได้
แนวคิดที่ 1 : นำเงินออมมาใช้จ่ายหลังเกษียณ
ยกตัวอย่างเช่น หากประเมินว่าหลังเกษียณ จะใช้จ่ายเดือนละ 25,000 บาท และคาดว่าจะมีชีวิตอยู่จนอายุ 80 ปี ดังนั้น จำนวนเงินที่ต้องมี ณ วันเกษียณ
= 25,000 บาท x 12 เดือน x 20 ปีหลังเกษียณ
= 6,000,000 บาท
กรณีนี้จะเป็นการใช้เงินต้นให้หมดไปเรื่อย ๆ
แนวคิดที่ 2 : นำดอกผลของเงินออมและเงินลงทุนมาใช้จ่ายหลังเกษียณ
ยกตัวอย่างเช่น หากประเมินว่าหลังเกษียณจะใช้จ่ายเดือนละ 25,000 บาท และคาดว่าอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยของเงินออมและเงินลงทุนช่วงหลังเกษียณอยู่ที่ 6% ต่อปี ดังนั้น จำนวนเงินที่ต้องมี ณ วันเกษียณ
= (25,000 บาท x 12 เดือน) /6% ต่อปี
= 5,000,000 บาท
กรณีนี้ เงินต้นจะยังคงอยู่ให้ออกดอกออกผลต่อไป
การออม การลงทุน
– ควรออม ก่อนใช้จ่ายอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่เริ่มต้นทำงาน โดยออมเงินสำหรับการเกษียณให้ได้อย่างน้อย 10% ของรายได้ หากรายได้เพิ่มขึ้นก็ควรออมเพิ่มขึ้น และไม่ควรนำออกมาใช้จนกว่าจะเกษียณ
– ควรแบ่งเงินออมเพื่อเกษียณบางส่วนไปลงทุน เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่มากขึ้น ภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้
การบริหารเงินหลังเกษียณ
– ควรคงเงินฝากในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ไว้ประมาณ 2 – 6 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน เพื่อให้มีสภาพคล่องสำหรับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และเผื่อไว้สำหรับกรณีฉุกเฉิน
– นำเงินบางส่วนไปแบ่งฝากประจำในระยะต่าง ๆ เช่น 3 เดือน 6 เดือนหรือ 1 ปี โดยเลือกให้มีระยะเวลาครบกำหนดเหลื่อมกัน จะเป็นการบริหารสภาพคล่องและเพิ่มผลตอบแทนให้มากกว่าเงินฝากออมทรัพย์
– ควรนำเงินส่วนที่ยังไม่ได้ใช้ในระยะสั้นไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่แน่นอนในระยะปานกลาง-ยาว
ทางเลือกอื่น ๆ ในการลงทุน
– ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีความเสี่ยงต่ำ-ปานกลาง เช่น สลากออมทรัพย์ กองทุนรวมตลาดเงิน กองทุนรวมตราสารหนี้ หุ้นกู้ของบริษัทเอกชนที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับที่น่าลงทุน
– สำหรับผู้ที่มีความชำนาญในการลงทุนและยอมรับความเสี่ยงได้ อาจแบ่งเงินบางส่วน (สูงสุดไม่เกิน 15% ของเงินออมและเงินลงทุนทั้งหมด) ไปลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงิน หรือ สินทรัพย์ที่เปิดโอกาสรับผลตอบแทนสูงขึ้น แต่มีความเสี่ยงสูงขึ้น เช่น หุ้น และทองคำ เป็นต้น
– ควรติดตามข่าวสารและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่อาจมีผลกระทบต่อผลตอบแทนของเงินออมและเงินลงทุนของคุณอย่างสม่ำเสมอ ทั้งแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย เงินเฟ้อ การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และนวัตกรรมทางการเงิน รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และนวัตกรรมทางการเงิน รวมถึงภัยทางการเงิน ในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อปกป้องเงินทองของตนเองที่อุตส่าห์เก็บหอมรอมริบมาตลอดให้พ้นจากมิจฉาชีพด้วย
– ควรมีวินัยในการใช้จ่ายเพื่อให้มีเงินเพียงพอจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 5 ปีแรกของการเกษียณ ยังไม่ควรใช้จ่ายเกินกว่าอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยที่ได้รับ
มีค่า นิวส์ มั่นใจว่าถ้าทำตามแผนที่แนะนำ จะทำให้เรามีความสุขในชีวิตหลังจากเกษียณอย่างแน่นอนค่ะ ถ้าผู้ที่เกษียณคนไหนทำตามแล้ว เป็นอย่างไร มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้นะคะ
ดาวน์โหลด “วิธีทำแผนใช้เงิน” ได้ที่ https://www.1213.or.th/th/finresilience/worksheet/wsbudgeting.pdf?fbclid=IwAR3WFHQ_tNTLVQkisTazdUYvER7bBKwwlWPOqiOFzRqxQg5HNyM3bl_EiZA
ที่มา : ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย https://www.1213.or.th/th/moneymgt/retire/Pages/retire.aspx