ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่มขึ้นวันละ 1,000 กว่าราย ทำให้มีผู้ติดเชื้อรอเตียงจำนวนมาก วันนี้ ข่าวมีค่า จึงขอนำเสนอคำแนะนำสำหรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 เมื่อต้องกักตัวอยู่ที่บ้าน เพื่อให้คุณและคนรอบตัวใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยที่สุด
- ไม่ให้บุคคลอื่นมาเยี่ยมที่บ้านระหว่างแยกตัว
- ถูมือด้วยแอลกอฮอล์เจลหรือล้างมือด้วยสบู่และน้ำเป็นประจำ (หากมือเปรอะเปื้อนให้ล้างด้วยสบู่และน้ำ) โดยเฉพาะภายหลังสัมผัสน้ำมูก น้ำลาย เสมหะ ขณะไอ จาม หรือหลังจากถ่ายปัสสาวะหรืออุจจาระ และก่อนสัมผัสจุดเสี่ยงที่มีผู้อื่นในบ้านใช้ร่วมกัน เช่น ลูกบิดประตู ราวบันได้ มือจับตู้เย็น ฯลฯ
- อยู่ในห้องส่วนตัวตลอดเวลา หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับบุคคลอื่นในที่พักอาศัย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้ป่วยโรคเรื้อรังต่างๆ หากยังมีอาการไอ จาม ต้องสวนหน้ากากอนามัยแม้ขณะที่อยู่ในห้องส่วนตัว
- หากจำเป็นต้องเข้าใกล้ผู้อื่นต้องสวมหน้ากากอนามัยและอยู่ห่างอย่างน้อย 1 เมตร หรือประมาณหนึ่งช่วงแขน หากไอจาม ไม่ควรเข้าใกล้ผู้อื่น หรืออยู่ห่างอย่างน้อย 2 เมตร และให้หันหลังไปยังทิศทางตรงข้ามกับตำแหน่งที่มีผู้อื่นอยู่ด้วย
- กรณีที่เป็นมารดาให้นมบุตรยังสามารถให้นมบุตรได้ เนื่องจากไม่พบเชื้อในน้ำนม แต่มารดาควรสวมหน้ากากอนามัยและล้างมืออย่างเคร่งครัดทุกครั้งก่อนสัมผัสหรือให้นมบุตร
- หากไอจามขณะที่สวมหน้ากากอนามัยอยู่ ไม่ต้องเอามือมาปิดปาก โดยไม่ต้องต้องถอดหน้ากากอนามัยออก เนื่องจากมืออาจเปรอะเปื้อน หากไอจามขณะที่ไม่ได้สวมหน้ากากอนามัยให้ใช้ต้นแขนด้านในปิดปากและจมูกไว้
- ใช้ห้องน้ำแยกจากผู้อื่น หากจำเป็นต้องใช้ห้องน้ำร่วมกัน ให้ใช้เป็นคนสุดท้าย ให้ปิดฝาชักโครกก่อนกดน้ำ ควรทำความสะอาดโถสุขภัณฑ์ หรือพื้นที่ที่อาจปนเปื้อนเสมหะ น้ำมูก อุจจาระ ปัสสาวะ หรือสารคัดหลั่งด้วยน้ำและน้ำยาฟอกผ้าขาวโซเดียมไฮโปคลอไรต์ 5% (เช่น ไฮเตอร์, คลอรอกซ์) เข้มข้น 5,000 ส่วนต่อล้านส่วน หรือ 0.5% (ผสมน้ำยาฟอกขาว 1 ส่วนต่อน้ำ 9 ส่วน)
- แยกสิ่งของส่วนตัวไม่ใช้ร่วมกับผู้อื่น เช่น จาน ช้อนส้อม แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์
- ไม่ร่วมรับประทานอาหารกับผู้อื่น ถ้ารับอาหารจากนอกบ้านหรือเตรียมอาหารในบ้านบริเวณที่มีผู้อื่นอยู่ ควรให้ผู้อื่นจัดหามาให้ แล้วแยกรับประทานคนเดียว
- ซักเสื้อผ้า ผ้าปูเตียง ผ้าขนหนู ฯลฯ ด้วยน้ำและสบู่ หรือผงซักฟอกหากทำได้ หากใช้เครื่องซักผ้าให้ซักด้วยน้ำร้อนที่อุณหภูมิน้ำ 60-90 องศาเซลเซียสร่วมกับผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้า
ที่มา : กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข