วันที่ 17 พ.ค. นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย ประชาชนทั่วไปที่มีอายุตั้งแต่ 18-59 ปี เริ่มลงทะเบียนเพื่อรับบริการฉีดวัคซีนผ่านระบบ “หมอพร้อม” ทั้ง Line Official Account และแอปพลิเคชัน ตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคมนี้ เป็นต้นไป และยังสามารถจองฉีดวัคซีนโควิด-19 ผ่านโรงพยาบาลที่มีสิทธิรักษา / อสม. / รพ.สต. และช่องทางอื่นๆ รวมทั้ง Walk-in ตามประกาศของจังหวัดด้วย ขณะเดียวกันทางกระทรวงสาธารณสุขอยู่ระหว่างการวางระบบการลงทะเบียนเพื่อให้ชาวต่างชาติที่ทำงานในไทยสามารถเข้าถึงการรับบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้เช่นเดียวกัน
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังให้ความมั่นใจว่า ผลศึกษาวัคซีนโควิด-19 ที่ฉีดในไทยพบว่าสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากได้รับผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์จากการฉีดวัคซีนและมีใบยืนยันอาการแพ้วัคซีนจากสถานที่ฉีดวัคซีน แล้ว สปสช.พร้อมเยียวยาตามประกาศคณะกรรมาการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (ฉบับที่ 5) โดยจัดสรรวงเงิน 100 ล้านบาท สำหรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นสำหรับคนไทยทุกคนที่ได้รับความเสียหายจากการฉีดวัคซีนโควิด มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้มี 2 เขตที่เสนอข้อมูลการขอรับเงินช่วยเหลือ คือ สปสช.เขต 1 เชียงใหม่ และ สปสช.เขต 10 อุบลราชธานี เขตพื้นที่อื่นอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล ในส่วนของ สปสช.เขต 1 ซึ่งมีผู้ยื่นขอเยียวยา 218 ราย จากจำนวนที่ฉีดไปแล้วทั้งหมด 91,551 เข็ม คิดเป็น 0.24% โดยส่วนใหญ่มีอาการเล็กน้อย เช่น เป็นไข้นิดๆ หน่อยๆ ปวดเมื่อยตามตัว ส่วนกลุ่มที่มีอาการไข้สูงจนต้องนอนพักโรงพยาบาล คิดเป็น 0.05%
ปัจจุบันที่มีมีการรายงานยอดผู้ป่วยติดเชื้อจำนวนมาก เป็นประสิทธิภาพจากการตรวจเชิงรุกในหลายพื้นที่ เพื่อเร่งคัดกรอง แยกออกจากชุมชนนำผู้ป่วย เพื่อนำตัวเข้าสู่กระบวนการรักษา ซึ่งช่วยควบคุมและจำกัดการแพร่ระบาดได้เร็วยิ่งขึ้น โดยมีการฉีดวัคซีนโควิด19ในพื้นที่เสี่ยงในกรุงเทพมหานครแล้ว 125,228 โดส ทำให้มีการฉีดวัคซีนสะสมในพื้นที่กทม. 450,285 โดส