นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยถึงกรณีการฉีดวัคซีนไฟเซอร์สูตรสำหรับเด็ก (Pediatric formulation dose) บรรจุในขวดแก้ว “ฝาขวดและฉลากสีส้ม” ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่สอง ในทวีปเอเชียถัดจากสิงคโปร์ ที่ได้รับการส่งมอบวัคซีนสูตรสำหรับเด็ก โดยล็อตแรกเข้าถึงประเทศไทยในวันที่ 26 มกราคม 2565 และได้ทยอยจัดส่งอย่างต่อเนื่อง สัปดาห์ละประมาณ 3 แสนโดส
กลุ่มเป้าหมาย คือ ใช้ในเด็กอายุตั้งแต่ 5-11 ปี มีแผนการจัดสรร คือ
1.บริการฉีดในสถานพยาบาล สำหรับเด็กที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค
– โรคอ้วน
– โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง รวมทั้งโรคหืดหอบ
– โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง
– โรคไตวายเรื้อรัง
– โรคมะเร็งและภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ
– โรคเบาหวาน
– กลุ่มโรคพันธุกรรมรวมทั้งกลุ่มอาการดาวน์ เด็กที่มีภาวะบกพร่องทางระบบประสาทอย่างรุนแรง และเด็กที่มีพัฒนาการช้า รวมทั้งกลุ่มเด็กที่เรียนในระบบโฮมสคูล และกลุ่มที่อยู่นอกระบบการศึกษา
2.การให้บริการฉีดในโรงเรียน สำหรับนักเรียนปฐมวัย และชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 โดยเริ่มบริการฉีดในนักเรียน ชั้นประถมศึกษาชั้นปีที่ 6 ก่อนเป็นลำดับแรก และชั้นปีอื่นถัดลงไปตามลำดับ
สำหรับปริมาณการฉีด คือ 0.2 มิลลิลิตร หรือ 10 ไมโครกรัม วัคซีน 1 ขวด เมื่อเจือจางด้วยสารละลายโซเดียมคลอไรด์ 0.9% ก่อนใช้ สามารถฉีดได้ 10 โดส โดยเว้นระยะเวลาการฉีดห่างกันระหว่าง 3-12 สัปดาห์
นายแพทย์โอภาส กล่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนเข้ารับการฉีด หากเด็กมีอาการป่วย มีไข้ ร่างกายอ่อนเพลีย ควรรักษาอาการให้หายจนกว่าจะเป็นปกติ สำหรับเด็กที่มีโรคประจำตัวรุนแรง อาการยังไม่คงที่ อาจมีอันตรายถึงชีวิต ควรเข้ารับการประเมินอาการจากแพทย์ประจำตัวก่อนเข้ารับการฉีด
ส่วนอาการที่พบได้หลังฉีดวัคซีนไฟเซอร์ คือ ปวด บวม แดง เฉพาะที่ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย เป็นไข้ จึงจำเป็นต้องสังเกตอาการหลังการฉีดอย่างน้อย 30 นาที ในสถานที่ฉีดวัคซีนด้วยเสมอ และอาการดังกล่าว สามารถหายได้เองเมื่อรับประทานยาลดไข้และพักผ่อนให้เพียงพอ
หลังฉีดวัคซีน 1 สัปดาห์ ผู้ปกครองควรดูแลไม่ให้บุตรหลานออกกำลังกาย ปีนป่าย ว่ายน้ำ หรือ กิจกรรมที่ใช้แรงมาก เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 7 วัน เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน หากเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และหากเกิดอาการรุนแรงหลังรับวัคซีน ได้แก่ เจ็บหน้าอก หายใจเร็ว เหนื่อยง่าย ใจสั่น ไข้สูงมากกว่า 39 องศาเซลเซียส ปวดหัวรุนแรง อาเจียนทานอาหารไม่ได้หรือซึมไม่รู้สึกตัว ควรพบแพทย์ทันที หรือโทร 1669 เพื่อรับบริการทางการแพทย์ฉุกเฉิน
ซึ่งในแต่ละพื้นที่ได้เตรียมความพร้อมของบุคลากรทางการแพทย์และกุมารแพทย์ในการตรวจวินิจฉัย รักษาและการติดตามผลข้างเคียงหลังการฉีดวัคซีน จึงขอให้ผู้ปกครองมั่นใจในเรื่องของความปลอดภัย ตามนโยบายการฉีดวัคซีนให้เด็กถ้วนหน้าให้ดีที่สุด ที่ยึดประโยชน์ของผู้ปกครองและประชาชนไทยทุกคนเป็นสำคัญ
นอกจากนี้ ขอฝากผู้ปกครองและครูดูแลเรื่องการป้องกันตนเองจากโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดนเน้นการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือ หลังเวลาเล่น หรือ เมื่อทำกิจกรรมในชั้นเรียน และทำความสะอาดร่างกายเมื่อกลับถึงบ้าน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422