ในภาวะที่เราทุกคนเผชิญกับไวรัสโควิด-19 ยาวนานต่อเนื่อง ทำให้บางคนถูกเลิกจ้างงานแบบไม่ทันตั้งตัว หรือ บางคนลาออกมาแล้วเกิดตกงาน จนส่งผลกระทบต่อรายได้ ไม่มีเงินใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หนำซ้ำอาจเจอกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน เช่น เจ็บป่วยกระทันหัน ทุพพลภาพ เสียชีวิต / ซึ่งมีค่า นิวส์ พบว่ามีหน่วยงานหนึ่ง ที่จะดูแลเรา ขณะเผชิญกับภาวะดังกล่าวได้ ก็คือ “สำนักงานประกันสังคม” นั่นเอง โดยจะประกอบไปด้วย 2 กองทุนหลัก ดังนี้
“กองทุนประสังคมสังคม” คือ กองทุนที่ให้หลักประกันกับเรา หรือ ที่เรียกว่า “ผู้ประกันตน” ให้ได้รับประโยชน์ทดแทน เมื่อต้องประสบอันตราย เจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิต ซึ่งไม่ได้เกิดจากการทำงาน / นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงกรณีคลอดบุตร สงเคราะห์บุตร ชราภาพ และว่างงานด้วย
“กองทุนเงินทดแทน” คือ กองทุนที่จ่ายเงินทดแทนให้ลูกจ้าง แทนนายจ้าง เมื่อลูกจ้างประสบอันตราย หรือ เจ็บป่วย ทุพพลภาพ สูญเสียอวัยวะ หรือ สูญเสียสมรรถภาพ หรือ เสียชีวิต สูญหาย อันเนื่องมาจากการทำงานให้นายจ้าง
ทั้งนี้ ในรายงานพิเศษครั้งนี้ มีค่า นิวส์ ขอนำเสนอรายละเอียดของ “กองทุนประสังคมสังคม” ก่อนโดยแบ่งออกเป็น 3 มาตรา มีความแตกต่างกัน ต่อไปนี้
คุณสมบัติผู้ประกันตน
– เป็นพนักงานเอกชนทั่วไป
– มีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 60 ปี
ไม่ต้องสมัคร นายจ้างจะเป็นผู้ดำเนินการขึ้นทะเบียนให้เรา ภายใน 30 วัน โดยเริ่มนับตั้งแต่วันที่เข้าทำงาน
ขั้นตอนการส่งเงินสมทบ
– นายจ้างหักจากเงินเดือน ร้อยละ 5 ของฐานเงินเดือน สูงสุดไม่เกิน 750 บาท/เดือน
– นายจ้างร่วมจ่ายเงินสมทบอีก ร้อยละ 5
– รัฐบาลร่วมจ่ายเงินสมทบอีก ร้อยละ 2.75
– สามารถนำเงินที่จ่ายไปยื่นหักลดหย่อนภาษีได้
สิทธิประโยชน์
เจ็บป่วย / เสียชีวิต / ว่างงาน / คลอดบุตร / สงเคราะห์บุตร / ทุพพลภาพ / ชราภาพ
การแจ้งสิ้นสุดสถานภาพ
นายจ้าง จะเป็นคนแจ้งออกจากงานให้ ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป จากเดือนที่มีการเปลี่ยนแปลง
คุณสมบัติผู้ประกันตน
– เคยเป็นพนักงานเอกชน แล้วลาออก
– เคยเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน และออกจากงานไม่เกิน 6 เดือน
– ต้องไม่เป็นผู้รับประโยชน์ทดแทน กรณีทุพพลภาพ จากกองทุนประกันสังคม
วิธีสมัคร
สมัครด้วยตนเอง ที่สำนักงานประกันสังคมในพื้นที่อาศัย กรณีให้หักบัญชีธนาคาร ต้องนำสำเนาสมุดบัญชีมาด้วย
ขั้นตอนการส่งเงินสมทบ
– ส่งเงินสมทบเอง เดือนละ 432 บาท (ใช้ฐานคำนวณ เดือนละ 4,800 บาท เท่ากันทุกคน โดยคิดจากอัตราเงินสมทบ 9% ผ่านช่องทาง ตามนี้
– หักบัญชีเงินฝากของธนาคารกรุงไทย / ธนาคารกรุงศรีอยุธยา / ธนาคารไทยพาณิชย์ / ธนาคารกสิกรไทย / ธนาคารกรุงเทพ / ธนาคารทหารไทย / และธนาคารธนชาต
– จ่ายผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารกรุงไทย / ธนาคารกรุงศรีอยุธยา / และธนาคารธนชาต
– จ่ายผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส เทสโก้โลตัส เซ็นเพย์ บิ๊กซี และที่ทำไปรษณีย์ด้วยระบบ Pay at Post
– จ่ายที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด
ซึ่งหลังนำส่งเงินสมทบ ผู้ประกันตน จะได้รับความคุ้มครอง 6 กรณี ต่อเนื่อง จากการเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ทันที และสามารถนำเงินที่จ่ายไปยื่นหักลดหย่อนภาษีได้
สิทธิประโยชน์
เจ็บป่วย / ตาย / คลอดบุตร / สงเคราะห์บุตร / ทุพพลภาพ / ชราภาพ
การแจ้งสิ้นสุดสถานภาพ
ตาย / กลับเข้าเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 / ลาออก / ไม่ส่งเงินสมทบ 3 เดือนติดต่อกัน / ส่งเงินสมทบไม่ครบ 9 เดือน ภายในระยะเวลา 12 เดือน
ประกันสังคม มาตรา 40
คุณสมบัติผู้ประกันตน
– เป็นบุคคลทั่วไป ที่ประกอบอาชีพอิสระ ฟรีแลนซ์ ค้าขาย หรือ แรงงานนอกระบบ
– มีสัญชาติไทย อายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี และไม่เกิน 65 ปี
– ไม่เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 หรือ มาตรา 39
– ไม่เป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ / ไม่เป็นสมาชิกกองทุนรัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่น / ไม่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ
– หากเป็นผู้พิการ ให้ระบุลักษณะหรืออาการโดยละเอียด
วิธีสมัคร
– สำนักงานประกันสังคม และหน่วยบริการเคลื่อนที่
– สมัครผ่านระบบ Internet ที่ www.sso.go.th/section40_regist/
– สมัครผ่านร้านเซเว่นอีเลฟเว่น หรือ ร้านค้า ที่มีสัญลักษณ์เคาน์เตอร์เซอร์วิสทั่วประเทศ
ขั้นตอนการส่งเงินสมทบ
มี 3 ทางเลือก ประกอบด้วย
1.ส่งเงินสมทบ 70 บาท / เดือน
2.ส่งเงินสมทบ 100 บาท/เดือน
3.ส่งเงินสมทบ 300บาท/เดือน
โดยผ่านช่องทาง ตามนี้
– จ่ายที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด
– หักบัญชีเงินฝากของธนาคารกรุงไทย / ธนาคารกรุงศรีอยุธยา / ธนาคารไทยพาณิชย์ / ธนาคารกสิกรไทย / ธนาคารกรุงเทพ / ธนาคารทหารไทย / ธนาคารธนชาต / ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร / และธนาคารออมสิน
– จ่ายผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารกรุงไทย / ธนาคารกรุงศรีอยุธยา / และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
– จ่ายผ่าน เคาน์เตอร์เซอร์วิส เทสโก้โลตัส เซ็นเพย์ บิ๊กซี และตู้บุญเติม
สิทธิประโยชน์
แยกตามการส่งเงินสมทบ 3 ทางเลือก
1.แบบ 70 บาท คุ้มครอง เจ็บป่วย / ทุพพลภาพ / เสียชีวิต
2.แบบ100 บาท คุ้มครอง เจ็บป่วย / ทุพพลภาพ / เสียชีวิต / ชราภาพ
3.แบบ 300 บาท คุ้มครอง เจ็บป่วย / ทุพพลภาพ / เสียชีวิต / ชราภาพ / สงเคราะห์บุตร
การแจ้งสิ้นสุดสถานภาพ
ไม่ได้ระบุ
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ มีค่า นิวส์ หวังว่าทุกคนจะมองภาพรวมความแตกต่าง ของ 3 มาตราดังกล่าว ในกองทุนประกันสังคม ได้เข้าใจมากขึ้น / และในตอนต่อไป มีค่า นิวส์ จะพาไปส่อง สิทธิประโยชน์ของทั้ง 3 มาตรานี้อย่างละเอียด เพื่อที่ทุกคน จะได้รักษาสิทธิประโยชน์ที่พึงจะได้รับของตัวเอง รอติดตามกันนะคะ
ที่มา : สำนักงานประกันสังคม