สถานการณ์เอชไอวีในปี 2565 มีแนวโน้มที่จะมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในจำนวนที่เพิ่มขึ้นนั้น มีทั้งคนที่รู้ และไม่รู้ว่าตนเองติดเชื้อเอชไอวี ทำให้ตอนนี้รัฐบาลพยายามผลักดันให้มีชุดตรวจการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเองมากยิ่งขึ้น มีค่า นิวส์ ทราบจากดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารโครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ (UNAIDS Programme Coordinating Board: PCB) ปี 2565 พิจารณาเห็นชอบ 2 เรื่อง คือ
- ให้ชุดตรวจ HIV Self-Test เป็นเครื่องมือส่งเสริมให้ประชาชนทราบสถานะการติดเชื้อเอชไอวีโดยเร็ว เพื่อเข้าสู่ระบบการป้องกัน เช่น เพร็พ (PrEP) ยาป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อเอชไอวีและการรักษาด้วยยาต้านไวรัส โดยให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงการตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเอง โดยสมัครใจ เป็นความลับ สะดวก รวดเร็ว ไม่มีค่าใช้จ่าย หรือหาซื้อเองได้ในราคาที่เหมาะสม ส่งเสริมการเข้าถึงได้กว้างขวางและรวดเร็ว ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยมีชุดตรวจที่ผ่านการขึ้นทะเบียนจำนวน 2 แบบ คือ การเจาะเลือดที่ปลายนิ้วมือ ซึ่งรู้ผลภายใน 1 นาที และการใช้สารน้ำในช่องปาก อ่านผลได้ใน 20 นาที แต่ยังมีข้อจำกัดในการจำหน่ายที่ร้านขายยา ซึ่งยังไม่ครอบคลุมทั่วประเทศ
- ร่างแผนปฏิบัติการที่มีงบประมาณกำกับ เพื่อลดการตีตราและการเลือกปฏิบัติอันเนื่องมาจากเอชไอวีและเพศสภาพทุกรูปแบบ บนความร่วมมือของโครงการ “ประเทศไทยสานพลัง : ยุติการตีตราและการเลือกปฏิบัติอันเนื่องมาจากเอชไอวีทุกรูปแบบ” พ.ศ. 2565 – 2569 เพื่อใช้เป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะเร่งรัดสู่การยุติปัญหาเอดส์ของประเทศไทย ในอีก 9 ปีข้างหน้า ภายใต้แนวคิดองค์กร “ดูแล ห่วงใย ใส่ใจป้องกันเอดส์ในที่ทำงาน” นำหลักการ U=U (Undetectable = Untransmittable) หรือ ตรวจไม่พบเชื้อ = ไม่ถ่ายทอดเชื้อ ส่งเสริมให้ผู้มีเชื้อเอชไอวีคงอยู่ในระบบการรักษา ถือเป็นมาตรการสำคัญที่นำมาใช้ในการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการฯ และเร่งสื่อสารสร้างความตระหนักและความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับหลักการ U=U เพื่อลดการตีตราและการเลือกปฏิบัติอันเนื่องมาจากเอชไอวีและเพศสภาพทุกรูปแบบ
อ่านเพิ่มเติม >> https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/55742
ที่มา: รัฐบาลไทย