นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์การระบาดโควิด-19 เพิ่มขึ้นมาเป็นวันละ 6 พันราย ส่วนใหญ่ยังอยู่ใน กทม. และปริมณฑล ส่วนต่างจังหวัดติดเชื้อเพิ่มขึ้นจากประชาชนที่เดินทางมาจาก กทม. มีลักษณะกระจายตัว แต่ควบคุมดูแลได้ ด้วยการช่วยสนับสนุนการควบคุมโรค / บริหารจัดการเตียง / ร่วมกับโรงพยาบาลเอกชน โรงเรียนแพทย์ เปิดเตียงไอซียูดูแลผู้ป่วยหนัก (สีแดง) ประสานส่งต่อให้ได้เข้ารับการรักษาทุกคน
ดังนั้น เพื่อควบคุมโรค ลดการแพร่เชื้อให้เร็วที่สุด กรมควบคุมโรค จึงเสนอปรับกลยุทธ์ใหม่ 4 มาตรการ คือ
1.การค้นหาผู้ติดเชื้อ ดูแลรักษา แยกกัก และควบคุมโรค เน้นผู้สูงอายุและผู้เสี่ยงป่วยรุนแรง
2.การจัดการเตียง มีการกักตัวดูแลรักษาที่บ้าน หากมีอาการมากขึ้นจะส่งต่อเข้ารักษา
3.มาตรการวัคซีน โดยจัดวัคซีน บูสเตอร์โดส ให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า เพื่อให้ภูมิคุ้มกันสูงขึ้นป้องกันไวรัสกลายพันธุ์ โดยคณะวิชาการจะพิจารณาว่าจะใช้วัคซีนตัวไหน แต่จะดำเนินการให้เร็วที่สุด เพื่อรักษาระบบสาธารณสุขของประเทศเดินหน้าให้บริการประชาชนได้ รวมถึงเน้นฉีดวัคซีนในผู้สูงอายุและ 7 กลุ่มโรค โดยวัคซีนที่จะได้ในเดือนกรกฎาคมนี้ ร้อยละ 80 จะฉีดให้ 2 กลุ่มนี้ เพื่อลดอัตราการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต และปรับจากการฉีดปูพรม มาฉีดกลุ่มเฉพาะเน้นควบคุมโรคในพื้นที่ระบาด
4.มาตรการทางสังคมและองค์กร ก่อนเข้าสู่ชีวิตวิถีใหม่
สำหรับการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ การควบคุมโรค 4 มาตรการดังกล่าว เพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อให้เร็วที่สุด จากนี้ขอให้ประชาชนร่วมกันดูแลตนเองไม่ให้ติดเชื้อ ไม่นำเชื้อมาติดผู้สูงอายุ และกลุ่มเปราะบางที่บ้าน ใส่หน้ากาก ล้างมือ วัดอุณหภูมิร่างกาย ไม่เดินทางไปสถานที่ต่างๆ โดยไม่จำเป็น และจะใช้มาตรการวัคซีนร่วมด้วย
หากทำตามแผน จะทำให้การระบาดของโรคลดลงได้ มีปริมาณเตียงเพียงพอรับผู้ป่วย และพยายามให้ทุกคนในประเทศมีภูมิคุ้มกัน ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ กลับไปใช้ชีวิตแบบ New Normal