กรมการแพทย์ โดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ชี้พ่อแม่ควรหมั่นสังเกตบุตรหลานว่ามีอาการของภาวะบกพร่องด้านการเรียนรู้ เช่น มีอาการอ่านหนังสือไม่คล่อง (Dyslexia) หรือไม่ หากสงสัยว่าเด็กประสบภาวะนี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีรักษา เพราะหากไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง เด็กจะมีปัญหาดังกล่าวไปจนโต
นายแพทย์วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า Dyslexia คือความบกพร่องในการอ่านและการเขียน จัดเป็นความผิดปกติด้านการเรียนรู้ (Learning Disorder) ประเภทหนึ่ง ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุของภาวะ Dyslexia อย่างชัดเจน แต่มีแนวโน้มที่จะมีพัฒนาการทางภาษาล่าช้ากว่าวัย ซึ่งส่งผลต่อสมองส่วนที่เกี่ยวกับการเรียนรู้ภาษาและการอ่านหนังสือ นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่ส่งผลให้เกิดภาวะ Dyslexia ได้ ดังนี้ ในครอบครัวมีภาวะ Dyslexia หรือมีปัญหาด้านการเรียนรู้อื่นๆ เด็กที่คลอดก่อนกำหนดหรือมีน้ำหนักตัวแรกเกิดต่ำกว่าปกติ การได้รับยาสารเสพติด หรือแอลกอฮอล์ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ รวมถึงการเกิดภาวะติดเชื้อของมารดาที่อาจส่งผลต่อพัฒนาการทางสมองของทารกในครรภ์ทำให้ผู้ที่เป็น มีปัญหาในการอ่าน การเขียน แม้แต่การแปลภาษาหรือสัญลักษณ์ง่าย ๆ ไม่สามารถเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้เหมือนคนทั่วไป หรือในบางรายอาจไม่พบปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว ซึ่งโรคนี้สามารถพบได้ถึง 10% ของประชากร โดยทั่วไปแล้ว อาการของ Dyslexia สังเกตได้ยากเมื่อเด็กยังไม่ได้เข้าเรียน แต่จะเห็นความผิดปกติชัดขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยเรียน ผู้ที่มีภาวะนี้จะแสดงอาการแตกต่างกันไปตามแต่ละช่วงวัย เด็กวัยอนุบาลบางรายอาจมีอาการที่สังเกตได้คือ พูดช้ากว่าเด็กในวัยเดียวกัน มีปัญหาด้านการพูดและความเช้าใจภาษา พัฒนาการด้านอื่น ๆ สมวัย บางรายมีพฤติกรรมไม่นิ่ง วอกแวกง่ายร่วมด้วย เมื่อเด็กขึ้นประถมจะเริ่มมีอาการของภาวะนี้ให้เห็นชัดเจนขึ้น มีปัญหาเกี่ยวกับการอ่าน สะกดและเขียนหนังสือ
นายแพทย์อัครฐาน จิตนุยานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวว่าเด็ก Dyslexia อาจจะอ่านสะกดไม่คล่อง แต่พวกเขาก็เป็นนักคิดที่ว่องไว โดยเฉพาะการเรียนรู้ผ่านการสายตาและเชื่อมโยงเชิงมิติสัมพันธ์ เรียนรู้ผ่านการฟังและถามตอบโดยตรงจะเป็นช่องทางการเรียนรู้ที่เหมาะกับเด็กกลุ่มนี้ ควรมีแผนการเรียนเฉพาะบุคคลให้เหมาะกับความสามารถในเด็กแต่ละคน หากได้รับการสนับสนุนที่เหมาะสม เด็กก็จะสามารถไปโรงเรียนเรียนร่วมกับผู้อื่นได้อย่างปกติ แต่เมื่อพวกเขาโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ ความสามารถในการคิดเชิงมิติสัมพันธ์ของพวกเขาจะกลายเป็นจุดแข็ง และหล่อหลอมให้เด็ก Dyslexia กลายเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่าของประเทศชาติได้ในอนาคต