หลังจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เดินทางไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อเป็นผู้แทนรัฐบาลไทยในการรับมอบวัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 1.54 ล้านโดส ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา มอบให้แก่ประเทศไทย เมื่อช่วงเช้าตรู่ที่ผ่านมา
ล่าสุด น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาเปิดเผยถึงแผนการกระจายวัคซีนไฟเซอร์ล็อตดังกล่าว ระบุว่า หลังจากนี้ จะต้องเก็บวัคซีนไว้ ภายใต้อุณหภูมิ -70 ถึง -90 องศาเซลเซียส เพื่อคงประสิทธิภาพของวัคซีน และดำเนินการตามขั้นตอน ก่อนกระจายไปตามแผนที่วางไว้ใน 4 กลุ่มเป้าหมาย ดังนี้
1.บุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติภารกิจดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ทั่วประเทศ (เข็ม 3 กระตุ้นภูมิคุ้มกัน) 700,000 โดส
2.ผู้มีภาวะเสี่ยงสูงต่อการเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ที่มีสัญชาติไทย 645,000 โดส
3.ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค หญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป ชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศไทย เน้นผู้สูงอายุ และโรคเรื้อรัง หญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป และผู้เดินทางไปต่างประเทศ ที่จำเป็นต้องรับวัคซีนไฟเซอร์ เช่น นักการทูต นักศึกษา 150,000 โดส
4.ทำการศึกษาวิจัย (ได้รับการอนุมัติโดยคณะกรรมการวิจัยจริยธรรม) จำนวน 5,000 โดส
“ส่วนอีก จำนวน 40,000 โดส สำรองไว้ส่วนกลาง สำหรับตอบโต้การระบาดของเชื้อกลายพันธุ์ “
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ขอบคุณในไมตรีที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกามีต่อประเทศไทยเสมอมา และเน้นย้ำว่า “การกระจายวัคซีนจะต้องเป็นไปตามแผนที่กำหนด เน้นการฉีดแก่บุคลากรการแพทย์ด่านหน้าและกลุ่มเป้าหมายเท่านั้น จะต้องไม่มีกรณีจัดสรรไปยังบุคคลสำคัญ หรือนอกกลุ่มที่กำหนดไว้เป็นอันขาด”
ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/44257