สถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) หรือ สทร. พร้อมด้วย บริษัท เด็นโซ่ เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมในระบบราง นำโดย รองศาสตราจารย์ ดร.โชติชัย เจริญงาม ประธานกรรมการ สทร. และ ดร.กานต์รวี ทองพูล รองผู้อำนวยการและรักษาการแทนผู้อำนวยการ สทร. ร่วมลงนาม กับ นายยอด พัฒนาตระกูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ นายประดิษฐ มหาศักดิ์ศิริ ผู้อำนวยการ บริษัท เด็นโซ่ เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ณ อาคาร KX – Knowledge Exchange for Innovation เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567
รศ.ดร.โชติชัย เจริญงาม ประธานกรรมการ สทร. กล่าวถึงพันธกิจหลักในด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี ที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของประเทศ รวมถึงนโยบายจากรัฐบาลโดยหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของรัฐบาลต่อการพัฒนาประเทศ คือการเป็นศูนย์กลางด้านการคมนาคม และการขนส่งสินค้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้มีการทำงานแบบบูรณาการความเชี่ยวชาญและระดมสรรพกำลังจากทุกภาคส่วนยกระดับภาคอุตสาหกรรมในประเทศ และด้วยความร่วมมือทางด้าน R&D กับ บริษัท เด็นโซ่ เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี นวัตกรรมทำความเย็น และเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ผลิตภัณฑ์มีความน่าเชื่อถือ และเป็นที่ยอมรับในประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์
ด้านนายยอด พัฒนาตระกูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติและดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือความร่วมมือในวันนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญ ที่สถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) และ บริษัท เดนโซ่ เซลส์ (ประเทศไทย) จะร่วมกันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมในระบบราง เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมในระบบรางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้าสู่การพัฒนาระบบรางที่มีประสิทธิภาพ การพัฒนามาตรฐานและการทดสอบ การพัฒนาบุคลากร และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
สำหรับความร่วมมือระหว่างสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) กับ บริษัทเด็นโซ่ เซลล์ (ประเทศไทย) จำกัด จะเป็นการผลักดันให้ประเทศบรรลุเป้าหมายสำคัญ ด้านการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการผลิตชิ้นส่วนระบบรางภายในประเทศ หรือ Local Content ตามนโยบาย Thai First นำไปสู่การยกระดับการพัฒนาระบบรางในประเทศไทย และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและเป็นก้าวที่สำคัญของการร่วมกันผลักดันในเกิดผลจริงถัดไป ตลอดจนเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับการเติบโตทางด้านโครงสร้างพื้นฐานระบบรางในประเทศที่จะเกิดขึ้นในอนาคต