กรมการแพทย์ แนะวิธีรับมืออาการชักจากไข้สูง ซึ่งเป็นภาวะเร่งด่วนทางการแพทย์ สามารถพบได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะเด็กเล็ก มีโอกาสที่จะมีไข้สูงได้จากสาเหตุต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นไข้หวัด ต่อมทอนซิลอักเสบ ไข้ออกผื่น หรือท้องเสีย โดยเมื่อมีไข้สูงตั้งแต่ 38.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป ในเด็กเล็กที่มีอายุ ตั้งแต่ 6 เดือนไปจนถึง 5-6 ปี โดยเฉพาะในช่วงอายุ 1-2 ปีแรก จะมีโอกาสเสี่ยงเกิดไข้ชักได้ พ่อแม่ผู้ปกครองควรปฏิบัติ ดังนี้ มีค่า นิวส์ สรุปขั้นตอนให้
1.ต้องพยายามตั้งสติ กรณีเด็กตัวเล็กและสามารถจัดท่าขณะที่มีอาการชักได้ ให้จัดท่านอนตะแคงหันศีรษะไปด้านใดด้านนึ่ง และหลีกเลี่ยงการหนุนหมอน การจัดท่าทางแบบนี้จะช่วยป้องกันการสำลักได้
2.ห้ามใช้อุปกรณ์ หรือวัสดุต่าง ๆ รวมถึงนิ้วมือของผู้ปกครอง ใส่เข้าไปในปากของผู้ป่วย
3.งดเว้นการป้อนยา หรือน้ำทางปาก ในขณะที่มีอาการชัก
4.หลีกเลี่ยงการพยายามงัดง้างถ่างกดแขนขาของผู้ป่วยขณะมีอาการชัก
5.รีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล หรือโทร 1669 ระหว่างนั้นผู้ปกครองพยายามจับเวลาช่วงที่มีอาการชักเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับแพทย์ สังเกตว่าผู้ป่วยมีปากและสีผิวสีเขียวคล้ำร่วมด้วยหรือไม่ ร่วมกับพยายามเช็ดตัวผู้ป่วยตลอดทางระหว่างนำส่งโรงพยาบาล โดยใช้น้ำอุณหภูมิห้องและหลีกเลี่ยงการใช้น้ำเย็น จนกว่าจะไปถึงโรงพยาบาลหรือได้รับการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
สำหรับกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการชักจากไข้สูง การรักษาจะมุ่งเน้นไปที่การพยายามลดอุณหภูมิร่างกายของผู้ป่วย การเช็ดตัวลดไข้ จึงมีส่วนสำคัญอย่างมากในการรักษาเบื้องต้น ปฏิบัติได้ดังนี้
1.ควรถอดเสื้อผ้าผู้ป่วยออกให้หมด
2.ใช้ผ้าขนนุ่มชุบน้ำให้ชุ่มเช็ดชโลมให้ทั่วทั้งตัวทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ครอบคลุมถึงซอกแขน ซอกขาและข้อพับต่าง ๆ เช็ดซ้ำหลาย ๆ ครั้ง จนกว่าไข้จะลดลง หากผู้ป่วยรู้สึกตัวเป็นปกติแล้ว ให้ผู้ป่วยรับประทานยาลดไข้กลุ่มพาราเซตามอลได้
3.พยายามกระตุ้นให้ผู้ป่วยจิบน้ำบ่อย ๆ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับน้ำเพียงพอ และเพื่อช่วยให้ร่างกายสามารถจัดการกับภาวะอุณหภูมิที่สูงขึ้นได้
อาการไข้ชักในผู้ป่วยบางราย อาจจจะได้รับถ่ายทอดทางพันธุกรรมจากคุณพ่อคุณแม่ได้ ดังนั้น ในครอบครัวที่ผู้ปกครองเคยมีประวัติไข้ชัก ก็จะทำให้ลูกน้อยมีโอกาสชักเวลามีไข้สูงเพิ่มมากขึ้นได้ โดยอาการชักเนื่องจากไข้นี้ จะไม่มีผลกระทบต่อการเจริญเติบโต การเรียนรู้ หรือพัฒนาการของผู้ป่วย
ยกเว้นในรายที่มีความผิดปกติจากโรคทางระบบประสาทอื่น ๆ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินและให้การรักษาที่เหมาะสมต่อไป ทั้งนี้เพื่อตรวจยืนยันสาเหตุของอาการชัก และให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์สำหรับการดูแลรักษา ตลอดจนเพื่อป้องกันการชักซ้ำในโอกาสต่อไป