เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2567 นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานเปิดงาน Thailand Competitiveness Forum 2024 ซึ่งจัดขึ้นโดยศูนย์กลยุทธ์และความสามารถทางการแข่งขันองค์กร (STECO) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี พร้อมทั้งปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “วิทยาศาสตร์และนวัตกรรมกับความสามารถทางการแข่งขันของประเทศไทย” โดยมี นางสาวสุชาดา แทนทรัพย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร อว. และมหาวิทยาลัยฯ เข้าร่วม โอกาสนี้ นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) เข้าร่วมงานดังกล่าวด้วย ณ Auditorium ชั้น 7 อาคาร KX Knowledge Xchange กรุงเทพฯ
นางสาวศุภมาส กล่าวว่า ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยสถาบันการจัดการนานาชาติ หรือ IMD ประจำปี 2566 ในอันดับที่ 30 จากเดิมอยู่ในอันดับที่ 33 ซึ่งในปี 2567 นี้พบว่าข้อจำกัดของภาคธุรกิจไทย อยู่ที่ความสามารถด้านผลิตภาพ ดังนั้นความท้าทายของภาคธุรกิจไทย คือการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาช่วยเพิ่มมูลค่าและผลิตภาพในสินค้าหรือบริการ การใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์และมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญและทักษะที่จำเป็นให้สามารถปฏิบัติงานได้เท่าทันเทคโนโลยีและพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงในอนาคตภายใต้สภาวะการแข่งขันในปัจจุบัน นับเป็นความโชคดีที่ประเทศไทยมีทรัพยากรมนุษย์ที่มีศักยภาพ มีฐานความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เข้มแข็ง ตลอดจนมีรัฐบาลที่ให้การสนับสนุนทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างเข้มข้น
นางสาวศุภมาส กล่าวต่อว่า ในช่วงที่ผ่านมา กระทรวง อว. ได้ประกาศนโยบายที่เน้นการตอบโจทย์ประเทศด้านอุตสาหกรรมในยุทธศาสตร์สำคัญ 2 เรื่องคือ นโยบาย อว. For EV และ นโยบาย อว. For AI ซึ่งทั้ง 2 เรื่องเป็นนโยบายที่มุ่งส่งเสริมและผลักดันให้ประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมของภูมิภาค ปิดช่องว่างปัญหาการขาดแคลนบุคลากร และข้อจำกัดต่าง ๆ เพื่อรองรับการลงทุนที่จะมาถึง โดยนโยบาย “อว. For EV” เป็นนโยบายที่สนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการพาประเทศไทยเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ซึ่งมี 3 เสาหลักคือ 1.) EV HRD คือการสร้างคนเพื่อตอบความต้องการของอุตสาหกรรม EV และการใช้รถ EV ของประเทศไทย 2.) EV Innovation คือการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างนวัตกรรม EV โดยกระทรวง อว. ได้เตรียมการจัดสรรทุนในวงงินประมาณ 3,000 ล้านบาทในระยะเวลา 5 ปี และ 3.) EV Transformation คือการทำให้รถที่ใช้ในมหาวิทยาลัยและหน่วยงานต่าง ๆ ของกระทรวง อว. เปลี่ยนจากรถที่ใช้น้ำมัน (ICE) มาใช้รถไฟฟ้า ด้านนโยบาย “อว. For AI” จะดำเนินงานใน 3 เสาหลัก ได้แก่ 1.) AI for Education เพื่อใช้ AI ในการเรียนการสอนให้คนไทยมีศักยภาพสูงสุด และเร็วที่สุดในเวลาที่สั้นที่สุด 2.) AI workforce development เป็นการพัฒนาบุคลากรไทยที่เป็นผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI และ 3.) AI innovation เป็นการนำ AI มาใช้งานจริงในทุกภาคส่วน