กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) มุ่งมั่นนำองค์ความรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) ไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศในทุกมิติและให้เข้าถึงประชาชนทุกระดับตั้งแต่ภาคครัวเรือน ภาคการเกษตร วิสาหกิจชุมชน ธุรกิจ SME ภาคการศึกษา จนถึงภาคอุตสาหกรรม โดยได้วิจัยและพัฒนา ปุ๋ยชีวภาพ ที่ผลิตขึ้นจากจุลินทรีย์ชนิดต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ทางการเกษตร ไม่ว่าจะเป็น
- เชื้อราที่ย่อยสลายแร่ธาตุในดินให้เป็นอาหารแก่พืช
- แบคทีเรียที่สามารถสร้างปุ๋ยให้แก่พืชได้
- สาหร่ายสีน้ำเงินแกมเขียวที่เปลี่ยนก๊าซไนโตรเจนในอากาศให้กลายเป็นสารประกอบไนโตรเจนที่พืชนำไปใช้ประโยชน์ได้ รวมทั้งยังช่วยทำให้ดินร่วนซุย มีสภาพโครงสร้างที่ดีเหมาะแก่การเจริญเติบโตของพืช
โดยเฉพาะ ปุ๋ยชีวภาพจากสาหร่ายสีน้ำเงินแกมเขียว จะนิยมนำไปใช้กับนาข้าว เพื่อทดแทนการใช้ปุ๋ยไนโตรเจน ซึ่งในสภาพพื้นที่ทำการเกษตรที่ถูกน้ำท่วมขัง แล้วระดับน้ำลดลงจนเหลือเพียง 10-20 เซนติเมตร จะมีความชุ่มชื้นและมีสารอินทรีย์ต่าง ๆ อยู่มาก ซึ่งเป็นสภาพที่เหมาะสมอย่างยิ่งต่อการเจริญเติบโตของสาหร่ายสีน้ำเงินแกมเขียว
เมื่อระดับน้ำลดลงจนเกือบแห้งแล้ว เกษตรกรสามารถทำการไถพรวนเตรียมดินเพื่อเพาะปลูกได้ทันที ซึ่งเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟู ช่วยลดระยะเวลาในการเตรียมดิน อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับดิน และไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและเกษตรกรผู้ใช้ จึงเป็นการลงทุนเพียงเล็กน้อย แต่ได้ประโยชน์หลายต่อทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
ทั้งนี้ เมื่อหว่านเม็ดปุ๋ยชีวภาพจากสาหร่ายสีน้ำเงินแกมเขียวลงไปในอัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่ และทิ้งไว้ 2 สัปดาห์ สาหร่ายสีน้ำเงินแกมเขียวจะเพิ่มจำนวนมากขึ้น จากการใช้สารอินทรีย์ น้ำและแสงแดด ในการเจริญเติบโต สามารถตรึงก๊าซไนโตรเจนที่มีอยู่ทั่วไปในอากาศให้อยู่ในรูปสารประกอบแอมโมเนียมแล้วปลดปล่อยลงสู่น้ำและดิน รวมถึงช่วยปรับสภาพความเป็นกรด-ด่างของดินและโครงสร้างของดินให้เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืช
หากเกษตรกรสนใจที่จะนำปุ๋ยชีวภาพจากสาหร่ายสีน้ำเงินแกมเขียวมาใช้ฟื้นฟูดินหลังน้ำท่วม สิ่งที่ต้องพิจารณาเป็นอันดับแรก คือ
1.ข้อมูลบนฉลากกระสอบปุ๋ย โดยต้องมีรายละเอียดครบถ้วนที่ฉลากหรือกระสอบปุ๋ย ทั้งเลขทะเบียนปุ๋ยต้องระบุชนิดและจำนวนของสาหร่ายสีน้ำเงินแกมเขียว
2.อัตราการใช้ ชื่อที่อยู่ของผู้ผลิตและวันที่ผลิต
3.มีตรารับรองจากหน่วยงานราชการ สถาบันการศึกษา หรือตรามาตรฐานที่เป็นสากล จะช่วยให้มั่นใจยิ่งขึ้นได้ว่า ปุ๋ยชีวภาพจากสาหร่ายฯ ที่ซื้อมาใช้นั้นมีคุณภาพ และได้ประโยชน์คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป
สำหรับเกษตรกรที่มีทุนน้อย สามารถใช้วิธีขยายปริมาณปุ๋ยชีวภาพจากสาหร่ายสีน้ำเงินแกมเขียวก่อนที่จะนำไปใช้ได้ โดยผสมปุ๋ยชีวภาพ 1 กิโลกรัม กับปุ๋ยหมัก 50 กิโลกรัม ทั้งนี้ หากไม่สามารถหาซื้อปุ๋ยหมักได้ สามารถใช้ดินร่วนที่มีเศษใบไม้ทับถมตามโคนต้นไม้ เช่น ดินใต้ต้นก้ามปู หรือดินรอบ ๆ กอไผ่ นำมาใช้ทดแทนปุ๋ยหมักได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อผสมส่วนผสมทั้งหมดดังกล่าวแล้ว ให้หว่านลงไปในบ่อดินขนาด 4 – 5 ตารางเมตร ลึก 10 เชนติเมตร แล้วเทน้ำลงไปจนเต็มบ่อ ทิ้งไว้ประมาณ 2 สัปดาห์จนน้ำแห้ง สาหร่ายสีน้ำเงินแกมเขียวจะจับตัวกันเป็นแผ่นบางๆ เกษตรกรสามารถนำมาใช้เป็นปุ๋ยชีวภาพในการปรับปรุงฟื้นฟูสภาพดินได้ โดยปุ๋ยชีวภาพจากสีน้ำเงินแกมเขียว1 กระสอบ ขนาด 50 กิโลกรัม สามารถขยายปริมาณได้ถึงประมาณ 200 กิโลกรัม และใช้ได้กับพื้นที่ประมาณ 4-5 ไร่ ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายลงได้จำนวนมาก แต่ได้ประสิทธิภาพในการฟื้นฟูดินใกล้เคียงกัน แม้จะใช้เวลามากกว่าเล็กน้อย
เกษตรกร หรือผู้สนใจ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ปุ๋ยชีวภาพจากสาหร่ายสีน้ำเงินแกมเขียว ติดต่อได้ที่ ศูนย์ความหลากหลายทางชีวภาพ วว. โทร. 02-577-9058 (นายประธาน โพธิสวัสดิ์) อีเมล brc@tistr.or.th หรือเว็ปไซต์ www.tistr.or.th/Bio-Industries/BRC/ หรือที่ “วว. JUMP”