กรมการแพทย์ โดย รพ.เมตตาฯ (วัดไร่ขิง) ห่วงใยประชาชน หลังจากสภาพอากาศ มีฝุ่นควัน และมลภาวะ รวมถึงวิถีชีวิตการทำงานที่ต้องอยู่หน้าจอมือถีอ ไอแพด คอมพิวเตอร์ อาจทำให้เกิดอาการตาแห้งได้ง่าย ซึ่งสามารถบรรเทาได้ด้วยการหยอดน้ำตาเทียมเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับดวงตา หากอาการไม่ดีขึ้น ควรพบจักษุแพทย์
ดังนั้น การใช้ น้ำตาเทียม (artificial tears) จึงจำเป็น เนื่องจากถูกผลิตขึ้นมาเพื่อใช้หล่อลื่นลูกตา มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับน้ำตาธรรมชาติ จะช่วยหล่อลื่นให้ความชุ่มชื้นกับดวงตา ป้องกัน และบรรเทาอาการตาแห้ง ระคายเคืองตา แสบตา รวมถึงลดอาการตาล้า และหล่อลื่นลูกตาสำหรับผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์
สำหรับการเลือกใช้ให้เหมาะสม มีค่า นิวส์ สรุปมาให้
1.ล้างมือให้สะอาด
2.เงยหน้าให้อยู่ในตำแหน่งที่ถนัด จากนั้นดึงเปลือกตาล่างลง เพื่อให้มีพื้นที่สำหรับหยอดน้ำตาเทียม
3.หากเป็นชนิดขวด หรือชนิดหลอดยาขี้ผึ้งแบบป้าย ควรให้ปลายหลอดยาป้าย หรือปลายขวดน้ำตาเทียมห่างจากดวงตาพอประมาณ
4.ค่อย ๆ หยดลงไป โดยทั่วไปใช้ประมาณ 1 หยด ระหว่างที่หยดให้เหลือบตามองบน หลังจากหยดน้ำตาเทียมให้หลับตาไว้ประมาณ 1-2 นาที ไม่หรี่ตา หรือกระพริบตา เพื่อไม่ให้น้ำตาเทียมไหลออกจากตาเร็วเกินไป
5.เช็ดน้ำตาเทียมส่วนที่ไหลออกด้วยสำลีหรือผ้าสะอาด
ทั้งนี้ ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ น้ำตาเทียม มีวางจำหน่ายหลากหลายชนิดยี่ห้อ หากเคยมีประวัติอาการแพ้น้ำตาเทียม ควรหลีกเลี่ยงหรือปรึกษาจักษุแพทย์ก่อนการใช้ หรือมีความผิดปกติ เช่น น้ำตาไหล ตาแดง คันตา ตามัว หรือเคืองตา ปวดตา ควรหยุดใช้ทันที และรีบพบจักษุแพทย์
สำหรับผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ แนะควรใช้ น้ำตาเทียม ชนิดไม่มีสารกันเสีย และถ้ามีความจำเป็นต้องใช้น้ำตาเทียมร่วมกับยาหยอดตาอื่น ๆ ควรเว้นให้ห่างกันประมาณ 5-10 นาที เพื่อประสิทธิภาพของยา นอกจากนี้ ควรระมัดระวังไม่ให้ปลายหลอดน้ำตาเทียมสัมผัสกับดวงตา ผิวหน้า หรือส่วนใดของร่างกาย เพราะอาจทำให้ปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียทำให้เกิดการติดเชื้อได้
ที่สำคัญ น้ำตาเทียม ทุกชนิด เมื่อหมดอายุแล้วควรทิ้งทันทีห้ามนำกลับมาใช้ และวิธีเก็บรักษาน้ำตาเทียมควรเก็บใส่บรรจุภัณฑ์เดิม ปิดฝาให้สนิท ให้พ้นแสงแดดและความร้อนไม่จำเป็นต้องแช่ตู้เย็น โดยน้ำตาเทียมต้องเก็บไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิไม่เกิน 30 องศาเซลเซียส ดังนั้นผู้ใช้ควรปรึกษาจักษุแพทย์ และอยู่ภายใต้คำแนะนำตลอดจนปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลาก เพื่อการใช้อย่างปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม น้ำตาเทียม สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ที่มีสารกันเสีย และที่ไม่มีสารกันเสีย
1.ชนิดน้ำแบบขวดมีสารกันเสีย มีอายุ 1 เดือน(หลังเปิดใช้)
2.ชนิดน้ำแบบขวด มีสารกันเสียที่สลายได้ มีอายุ 1 เดือน(หลังเปิดใช้)
3.ชนิดน้ำแบบกระเปาะเล็กไม่ใส่สารกันเสีย อายุการใช้ 1 วัน(หลังเปิดใช้)
4.ชนิดน้ำแบบขวดบีบหรือกดไม่ใส่สารกันเสีย มีอายุการใช้ 3 เดือน-6 เดือน (แล้วแต่ชนิดของผลิตภัณฑ์)
5.ชนิดเจล ขี้ผึ้ง (แบบป้ายตา) มีอายุ 1 เดือน(หลังเปิดใช้) เนื่องจากยามีความหนืดมากกว่าแบบน้ำ ทำให้หลังใช้อาจมีอาการเห็นภาพเบลอได้ชั่วคราว ส่วนมากแพทย์แนะให้ใช้เวลาก่อนนอน