หลังจากประเทศไทย ต้องเผชิญกับวิกฤตสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 มานาน กระทั่งเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศเริ่มนโยบาย “พลิกโฉมประเทศไทย” ต้อนรับชาวต่างชาติและชาวไทยเดินทางเข้าประเทศ โดยไม่ต้องกักตัว พร้อมวางแนวทางการทำงานใหม่ ๆ ก้าวเข้าสู่ชีวิตวิถีใหม่ในทุกมิติ เพื่อสร้างรายได้ ฟื้นฟูเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไป
![](https://i0.wp.com/media.mekhanews.com/2022/02/visit5-800x533.jpg?resize=800%2C533&ssl=1)
สำหรับภาคการท่องเที่ยวไทย ก็ได้รับอานิสงส์จากนโยบาย “เปิดประเทศ” นี้ด้วย จากการเริ่มต้นเปิดพื้นที่ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ นำร่องรับนักท่องเที่ยว ดังนั้น เมื่อก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่ ปี 2565 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. จึงเดินหน้า “ปีท่องเที่ยวไทย 2565” และ “Visit Thailand Year 2022 : Amazing New Chapters” เพื่อส่งสัญญาณให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ โดยยกโมเดล “DASH” ฟื้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในภาพรวม
มีค่า นิวส์ จึงขอสรุปรายละเอียดของแคมเปญดังกล่าวมาฝากทุกคน โดยอ้างอิงข้อมูลจากงานแถลงข่าวของการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า แคมเปญ Visit Thailand Year 2022 : Amazing New Chapters หรือ ปีท่องเที่ยวไทย ปี 2565 เริ่มต้นมาจาก ททท.นำเสนอต่อที่ประชุม ศบศ.ครั้งที่ 4/2564 เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2564
![](https://i0.wp.com/media.mekhanews.com/2022/02/visit2-800x533.jpg?resize=800%2C533&ssl=1)
จากนั้นที่ประชุม ครม.ได้มีมติเห็นชอบในหลักการแล้ว ททท.จึงเปิดตัวแคมเปญครั้งแรก เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ในงาน World Travel Mart 2021 ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร โดยตั้งเป้าให้เกิด Greatest Change ด้วย Soft Power of Thailand ตามแนวทาง 5F : 4M คือ Food, Film, Fashion, Festival, Fight, Music, Museum, Master, Meta เพื่อเพิ่มสัดส่วนนักท่องเที่ยวคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและส่งเสริมการท่องเที่ยว
![](https://i0.wp.com/media.mekhanews.com/2022/02/visit-800x533.jpg?resize=800%2C533&ssl=1)
ผู้ว่าการ ททท.อธิบายเพิ่มเติมว่า นอกจากแนวทาง 5F : 4M ททท. ยังใช้หลัก Inclusive Tourism เจาะกลุ่มเป้าหมายคุณภาพและนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง เต็มใจจ่าย เพื่อตอบสนองคุณค่าของประสบการณ์ แสดงออกซึ่งความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม 4-2-2 ประกอบด้วย
1. 4 Personas (ประชากรโลกผู้ที่มีความมั่งคั่งสูง ผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ ผู้ต้องการทำงานจากประเทศไทย และผู้ที่มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ)
2. 2 Demographic (Millennials และ Active Senior)
3. 2 Behavior (Medical & Wellness และ Responsible Tourism)
ทั้งนี้ ได้วางโมเดล “DASH” เป็นแนวทางการดำเนินงานเพื่อพลิกโฉมการท่องเที่ยวไทย โดยระดมการทำงานของ ททท. มุ่งสู่การพลิกโฉมทั้งระบบ โดยมีขั้นตอนการดำเนินงานที่สำคัญ ดังนี้
1.D – Domestic Travel เป็นการให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ ทั้งนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
2.A – Accelerate Demand กระตุ้นอุปสงค์เชิงคุณภาพ สร้างความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ที่ดีบนพื้นฐานของความปลอดภัย มุ่งเน้นนักท่องเที่ยวคุณภาพและกลุ่มรายได้สูง และส่งมอบประสบการณ์ที่แตกต่าง มีคุณค่า อย่างประทับใจ
3.S – Shape Supply ยกระดับระบบนิเวศท่องเที่ยวสู่ความมีคุณภาพและความยั่งยืน บนพื้นฐานของการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ และ Digital Tourism ให้ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์ร่วมกัน มีการกระจายรายได้สู่แต่ละภาคส่วนอย่างยั่งยืน
4.H – Healing Thai Economy ฟื้นประเทศด้วยการท่องเที่ยว เยียวยาเศรษฐกิจ ด้วยการเปิดประเทศเพื่อให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยว “ลุกเร็ว ก้าวไว” เติบโตอย่างเข้มแข็ง
![](https://i0.wp.com/media.mekhanews.com/2022/02/visit6-800x533.jpg?resize=800%2C533&ssl=1)
นายยุทธศักดิ์ ผู้ว่าการ ททท. ย้ำว่า โมเดล “DASH” ดังกล่าว จะส่งผลให้แคมเปญ Visit Thailand Year 2022 : Amazing New Chapters เป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่ความยั่งยืน ส่งมอบความสุข ความปลอดภัย บนพื้นฐานความเป็นไทยที่สร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง ด้วยความร่วมมือกันของทุกภาคส่วนในการฟื้นประเทศไทยด้วยการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ
ขณะเดียวกัน ททท.ยังวางสัดส่วนรายได้จากการท่องเที่ยวที่ให้ความสำคัญกับตลาดในประเทศมากขึ้น และเน้นตลาดคุณภาพจากต่างประเทศ โดยตลาดระยะไกล ได้ดำเนินโครงการ Amazing Thailand Workplace Paradise คือ การดึงกลุ่ม Remote Workers มายังประเทศไทย ซึ่งกลุ่มดังกล่าวเกิดขึ้นจากการระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงทั้งรูปแบบการเดินทางและรูปแบบการทำงาน สร้างให้ประเทศไทยเป็นที่ 1 Remote Workers Friendly Destination ของโลก
ด้านตลาดระยะใกล้ ได้ใช้โอกาสที่ดีในการที่รัฐบาลเปิดการท่องเที่ยวแบบ Test & Go อีกครั้ง โดยได้วางแนวคิด New Chapters, New Opportunity ในกลยุทธ์ 5 New ได้แก่
1.New Segment คือ กลุ่ม Bleisure (business & leisure), นักเรียน/นักศึกษา, Digital Nomad, Boy lovers, Soft Adventure เป็นต้น
2.New Area แสวงหากลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพในพื้นที่ศักยภาพใหม่ ๆ เช่น มองโกเลีย เกาหลี (ปูซาน) และพื้นที่ในตลาดเดิม
3.New Partner สร้างพันธมิตรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวใหม่ๆ เพิ่มเติม
4.New Infrastructure ใช้เส้นทางการคมนาคมใหม่ ๆ ให้เกิดการกระจายนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ คุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน – สปป.ลาว ที่สามารถเชื่อมโยงการเดินทางมายังจังหวัดหนองคายได้
5.New Way คือ กลุ่มนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ (Millennials) ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
![](https://i0.wp.com/media.mekhanews.com/2022/02/visit3-800x533.jpg?resize=800%2C533&ssl=1)
ส่วนตลาดในประเทศ ผู้ว่าการ ททท. อธิบายว่า ได้มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ เพื่อตอบโจทย์ความคาดหวังของนักท่องเที่ยวด้วยการพลิกโฉมการท่องเที่ยวของไทยในอนาคตให้เป็นไปอย่างมีคุณภาพ และยั่งยืน ภายใต้ แคมเปญในประเทศ คือ เที่ยวเมืองไทย Amazing ยิ่งกว่าเดิม เป็นการนำเสนอความพิเศษในการท่องเที่ยวผ่านเมนูประสบการณ์ที่มีคุณค่าเหนือราคา ภายใต้แนวคิด 3 Ex ได้แก่
1.Experience
2.Expectation
3.Extraordinary
สินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว 3 ประเภท ได้แก่
1.Nature to Keep
2.Food to Explore
3.Thainess to Discover
กำหนดธีมสีและธีมนำเสนอ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการเดินทางท่องเที่ยวของแต่ละภูมิภาค ดังนี้
1.ภาคเหนือ : เสน่ห์วันวานเมืองเหนือ – North Nostalgia สี Navy
2.ภาคกลาง : Trendy C2 ภาคกลาง (Create new Experience และ Charming of Central) – Chic Central สี Crimson
3.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : หลงรักแผ่นดินถิ่นอีสาน – Isan in Love สี Ivory
4.ภาคใต้ : หรอยแรงแหล่งใต้ – Savory South สี Silver
5.ภาคตะวันออก : สบ๊าย สบายภาคตะวันออก – East at Ease สี Emerald
ส่วนสินค้าทางการท่องเที่ยว ททท.ก็ได้ปรับใหม่เช่นกัน โดยเน้นการสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์กลุ่ม Workation & Staycation Wellness Sport และการมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม (Low Carbon) ทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ ด้วยการออกแบบเส้นทางท่องเที่ยวที่เจาะกลุ่มและหลากหลาย รวมทั้งการอัปเดตกิจกรรมทางการท่องเที่ยวที่อยู่ในกระแสนิยม เพื่อให้ทันต่อพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เช่น
1.การท่องเที่ยงเชิงดาราศาสตร์
2.กิจกรรมท่องเที่ยวทางน้ำ
3.เส้นทางท่องเที่ยวแบบ Happy Model โดยที่ยังคงส่วนผสมของการท่องเที่ยวชุมชน เพื่อกระจายรายได้อย่างทั่วถึง
![](https://i0.wp.com/media.mekhanews.com/2022/02/visit1-800x533.jpg?resize=800%2C533&ssl=1)
นอกจากนี้ ททท. ยังคงให้ความสำคัญกับทางท่องเที่ยวเชิงอาหาร Soft Power ที่แข็งแกร่งของประเทศไทย โดยสร้างประสบการณ์อาหารในมุมของอาหารปลอดภัย ตอบสนองคนรุ่นใหม่ ที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น (Organic Lifestyle) เป็นการเผยแพร่ Best Practice Model ให้กระจายในวงกว้าง รองรับการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการท่องเที่ยวของประเทศไทยให้เกิดความยั่งยืนและสามารถสร้างมูลค่าและคุณค่าให้กับอาหารได้อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ในการสื่อสาร เพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวในภาพรวมใช้แคมเปญ “เที่ยวเมืองไทย Amazing ยิ่งกว่าเดิม” สำหรับตลาดในประเทศ โดยสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวด้วยมุมมองที่แตกต่างด้วยวิธีการท่องเที่ยวแบบ “ยิ่งไป ยิ่งให้ ยิ่งสุขใจกว่าที่เคย” ส่วนตลาดต่างประเทศใช้แคมเปญ “Amazing New Chapters” เพื่อพลิกโฉมประเทศไทยนำเสนอคุณค่าการท่องเที่ยวของประเทศไทยมุมมองใหม่ มีความโดดเด่นและแตกต่างจากประเทศคู่แข่ง
ซึ่งแคมเปญ “Amazing New Chapters” จะเป็นจุดที่สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี (Thai Cultural Values) รวมทั้งการท่องเที่ยวที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ยกระดับภาพลักษณ์สู่การเป็น World Class Destination โดยสร้างการรับรู้ภายใต้แบรนด์ Amazing Thailand ซึ่งเป็นแบรนด์ทางการท่องเที่ยวของประเทศไทยที่เป็นที่รู้จักในระดับโลกมาอย่างยาวนาน ภายใต้แนวคิด From A to Z Amazing Thailand Has it All ให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาค้นหาและสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ มากกว่าที่เคยตลอดปี 2565
ผู้ว่าการ ททท. กล่าวอีกว่า ในส่วนของการใช้นวัตกรรมและการบริหารบุคลากรว่า ททท. มีโครงการ TAT Amazing Influencer หรือ อินฟลูเอนเซอร์เสมือนจริง ที่จะนำเทคโนโลยี Virtual Character มาเป็นเครื่องมือในการสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคลให้มาเป็นส่วนหนึ่งของบุคลิกของอินฟลูเอนเซอร์ของ ททท. ผ่านโลก Metaverse และโครงการ TAT NFTs ที่จะก้าวสู่การนำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยวสู่ศิลปะดิจิทัล โดยเริ่มที่สินค้าภูมิปัญญาเฉพาะถิ่น เพื่อจำหน่าย ซึ่งเป็นการนำดิจิทัลสร้างมูลค่าและความยั่งยืน กล่าวคือ
1.Digital Industry สนับสนุนการนำเทคโนโลยีดิจิทัลปรับใช้ในธุรกิจ
2.Digital Investment ลงทุนในการพลิกโฉมสู่ยุคดิจิทัลของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
3.Digital Innovation ร่วมพัฒนานวัตกรรมบนพื้นฐานของเทคโนโลยีดิจิทัล
และในส่วนของการบริหารองค์กรและบุคลากรนั้น ททท. จะเสริมสร้างความรู้ด้านการตลาดและด้านดิจิทัล สร้างระบบการทำงานแบบ Hybrid Working ที่สามารถทำงานนอกสถานที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบ Remote Worker และ Workation โดยยังคงให้ความสำคัญกับการสร้างบุคลากรในองค์กร ตระหนักถึงการใช้ทรัพยากรอย่างรู้ค่าและคุ้มค่า ร่วมมือกับองค์กรภายนอกในหมุนเวียนทรัพยากร การจัดการทรัพยากรและขยะอย่างถูกต้องเหมาะสม เพื่อมุ่งไปสู่องค์กรสมรรถนะสูงอย่างจริงจัง
![](https://i0.wp.com/media.mekhanews.com/2022/02/teaw5-800x533.jpg?resize=800%2C533&ssl=1)
นายยุทธศักดิ์ ผู้ว่าการ ททท. ยังหวังว่าการดำเนินการทั้งหมด จะช่วยสร้างรายได้รวม 1.28 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นตลาดในประเทศ 656,000 ล้านบาท (160 ล้านคน/ครั้ง) ตลาดต่างประเทศ 625,800 ล้านบาท (10 ล้านคน) ดันยอดรายจ่ายเฉลี่ยต่อคน 4,100 บาท สำหรับนักท่องเที่ยวในประเทศ และ 62,580 บาท สำหรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศในปี Visit Thailand Year 2022 : Amazing New Chapters นี้