ใครที่เป็นสายรักสุขภาพ ชอบความหวานแบบ 0% ต้องติดตาม หลังสำนักข่าว Reuters รายงาน โดยอ้างอิงแหล่งข่าววงในว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) เตรียมประกาศให้ แอสปาร์แตม (Aspartame) เป็นสารที่อาจก่อมะเร็งชนิดใหม่ มีค่า นิวส์ จึงจะพามาทำความรู้จักกับ แอสปาร์แตม กันค่ะ
อ่านเพิ่มเติม >> แอสปาร์แตม ผลข้างเคียง มีอะไรบ้าง
แอสปาร์แตม (Aspartame) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Aspartyl-phenylalanine-1-methyl ester คือ วัตถุให้ความหวานแทนน้ำตาล แต่มีความหวานกว่าประมาณ 180–200 เท่า! ให้พลังงาน 4 แคลอรี่/กรัม เป็นผลึกขาวละเอียด ไม่มีกลิ่น มีองค์ประกอบหลัก คือ กรดอะมิโน 2 ตัวต่อกัน (กรดแอสปาร์ติก, กรดฟีนิลอะลานีน)
ปัจจุบัน แอสปาร์แตม ผลิตออกจำหน่ายภายใต้เครื่องหมายการค้าจดทะเบียนในยี่ห้อสินค้าต่าง ๆ เช่น “NutraSweet”, “Pal Sweet”, “Equal”, และ “Canderel” แอสปาร์แตม เป็นส่วนประกอบในอาหารสำเร็จรูปและเครื่องดื่มกว่า 5,000 ชนิดที่วางขายทั่วโลก รวมถึง Coke Zero และ Diet Coke ด้วย แม้แต่ลูกอม ยาสีฟัน ขนมต่าง ๆ
ทั้งนี้ มักจะใช้ แอสปาร์แตม ผสมเครื่องดื่ม หรือทำอาหารให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน สำหรับในประเทศไทย ผลิตภัณฑ์ที่มีแอสปาร์แตมเป็นส่วนประกอบ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข กำหนดให้มีคำเตือนบนฉลากของบรรจุภัณฑ์ว่า “ผู้ที่มีสภาวะฟีนิลคีโตนูเรีย ผลิตภัณฑ์นี้มีฟีนิลอะลานีน”
ซึ่งภาวะดังกล่าว เป็นผู้ที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรม ซึ่งไม่สามารถย่อยฟีนิลอะลานีนได้ (ในประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคนี้ราว 1 คนต่อประชากร 100,000 คน) โครงสร้างสารของ แอสปาร์แตม จะเปลี่ยนไป เมื่อโดนความร้อนและเมื่อเก็บไว้นาน จึงไม่ควรใช้ แอสปาร์แตม ปรุงอาหารร้อน ๆ และไม่ควรเก็บไว้นาน
ล่าสุด IARC ได้ระบุให้ แอสปาร์แตม เป็นสารก่อมะเร็ง ระดับ 2B โดยการนิยามสารก่อมะเร็งของ IARC จะแบ่งออกเป็น 4 ระดับใหญ่ ๆ คือ
- ระดับ 1 – ก่อให้เกิดมะเร็ง
- ระดับ 2A – มีแนวโน้มก่อให้เกิดมะเร็ง
- ระดับ 2B – มีความเป็นไปได้ที่จะก่อมะเร็ง
- ระดับ 3 – ไม่มีหลักฐานเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านมะเร็ง
ขอบคุณข้อมูล thestandard, disthai