ปานปรีย์ พหิทธานุกร เกิดเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2500 ปัจจุบันอายุ 66 ปี เป็นลูกชายของปรีชา และบุญทิวา พหิทธานุกร จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนอัสสัมชัญ (รุ่น 90) และจบปริญญาตรีที่คณะคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโทด้านรัฐประศาสนศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย และปริญญาเอกด้านการบริหารจัดการภาครัฐจาก Claremont Graduate University
ปานปรีย์ สมรสกับ ปวีณา พหิทธานุกร (สกุลเดิม หงษ์ประภาส) หลานตาของพลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ โดยมีบุตรสาว 1 คน คือ ปัทมรัตน์ พหิทธานุกร ปัจจุบันสมรสกับ พสุ ลิปตพัลลภ ลูกชายของ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี
ปานปรีย์ เริ่มทำงานเป็นข้าราชการที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี หน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน และเป็นเจ้าหน้าที่ประสานงานในห้องประชุมคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลของพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ และพลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ
ในปี 2539 ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจและการต่างประเทศในรัฐบาลของพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ และในปี 2545 เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา
ในปี 2546 เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ ระหว่างปี 2546–2548 ได้รับมอบหน้าที่ให้เป็นหัวหน้าคณะเจรจาจัดทำเขตการค้าเสรี (ประเทศอินเดีย และกลุ่มประเทศ BIMST-EC) และในปี 2547 เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรม มีบทบาทสำคัญในการวางแผน แก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ เพื่ออุตสาหกรรมใน Eastern Seaboard จนเป็นผลสำเร็จ
ในปี 2548 ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้แทนการค้าไทย และได้รับมอบให้ทำหน้าที่ประธานกรรมการส่งเสริมการลงทุนและการค้าภายใต้กรอบความตกลงเขตการค้าเสรี และประธานกรรมการองค์การคลังสินค้า
ในปี 2551 เป็นรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (อันดับ 1) รับผิดชอบในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ และเป็นกรรมการยุทธศาสตร์พรรค (7 ธันวาคม พ.ศ. 2551 – 9 กันยายน พ.ศ. 2553)
ในปี 2556 ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ปานปรีย์ เป็นบุคคลหนึ่งที่ถูกทาบทามให้รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ แต่ก็ไม่ได้ตอบรับเข้าทำหน้าที่ดังกล่าว ต่อมาเขาได้รับแต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ในปี 2566
ล่าสุด ปานปรีย์ พหิทธานุกร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตัดสินใจยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง หลังจากได้รับการโปรดเกล้าฯ เป็น ครม.ชุดใหม่ ภายใต้รัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน ไม่กี่ชั่วโมง โดยถูกปลดจากตำแหน่ง รองนายกฯ ให้เหลือเพียง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพียงตำแหน่งเดียว มีผลตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 2567
ซึ่ง ปานปรีย์ ให้เหตุผลว่า ต้องการรักษาหลักการให้คงอยู่ มั่นใจว่าที่ผ่านมาทำงานทั้ง 2 ตำแหน่งได้เป็นอย่างดี ประเทศชาติได้ประโยชน์ มีผลงานออกมาชัดเจน
ขอบคุณข้อมูล วิกิพิเดีย
ขอบคุณภาพ ปานปรีย์ พหิทธานุกร