กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ดีเดย์ 1 ก.พ. 68 ดำเนิน มาตรการโมบายแบงกิ้ง (Mobile Banking) เพื่อเร่ง สกัด โอนบัญชีม้า ตัดตอนโจรออนไลน์ โดยหากตรวจพบรายชื่อเจ้าของหมายเลขโทรศัพท์มือถือไม่ตรงบัญชีโมบายแบงกิ้ง ประชาชนจะได้รับข้อความผ่านแอพพลิเคชั่นของแบงก์ เพื่อให้ประชาชนยืนยันตัวตันผ่านศูนย์บริการโทรศัพท์มือถือ ภายในวันที่ 30 เม.ย. 68 แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
1.ลูกค้าที่ค่ายมือถือแจ้งเป็น M (ชื่อเจ้าของซิม และ Mobile Banking ตรงกัน) มี 63.02% จำนวนประมาณ 75.8 ล้านหมายเลข
2.ลูกค้าที่ Telco แจ้งเป็น N (ชื่อเจ้าของซิม และ Mobile Banking ไม่ตรงกัน) มี 25.68% จำนวนประมาณ 30.9 ล้านหมายเลข
3.ลูกค้าที่ Telco แจ้งกลับมาเป็น P (ไม่พบชื่อเจ้าของซิม/ไม่มีข้อมูล) มี 11.29% จำนวน 13.5 ล้านหมายเลข
ในส่วนของกลุ่ม P หรือ กลุ่มที่ไม่พบชื่อเจ้าของซิม กลุ่มลูกค้าที่เปิดบัญชีตั้งแต่ปี 2565 และเปิดใช้งานโมบายแบงกิ้ง ก่อนปี 2566 ที่ตรวจสอบจากค่ายมือถือแล้ว แต่ไม่พบชื่อเจ้าของซิม โดยกรณีหมายเลขโทรศัพท์มือถือที่ใช้ลงทะเบียนกับธนาคารมีข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์ ให้ติดต่อศูนย์บริการโทรศัพท์มือถือที่ใช้บริการด้วยตัวเอง เพื่อดำเนินการ
ทั้งนี้ ได้พิจารณายกเว้นในกลุ่มบุคคลดังต่อไปนี้
1.เบอร์มือถือที่จดทะเบียนในชื่อหน่วยงานราชการ อาทิ สำนักงานอัยการสูงสุด หรือองค์กรที่ใช้โดยพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ จะได้รับการพิจารณาเป็นข้อยกเว้น และไม่จำเป็นต้องดำเนินการตามมาตรการนี้
2.ลูกค้าที่มีความจำเป็น หรือข้อจำกัดเฉพาะ อาทิ ไม่สามารถเปลี่ยนเบอร์มือถือได้ เนื่องจากข้อจำกัดทางกฎหมาย หรือเอกสาร สามารถยื่นคำขอยกเว้น พร้อมเอกสารประกอบแสดงเหตุผลต่อธนาคาร
3.กลุ่มบุคคลในครอบครัว อาทิ พ่อ แม่ บุตร พี่น้อง ปู่ ย่า ตายาย คู่สมรส (จดทะเบียน) โดยจะต้องแสดงเอกสารความสัมพันธ์ต่อธนาคาร ได้แก่ เอกสารที่ออกโดยหน่วยงานราชการ
4.นิติบุคคล ได้แก่ บริษัทเอกชน หรือนิติบุคคลตามกฎหมาย จะต้องมีเอกสารรับรองจากบริษัท ที่มีข้อความระบุชื่อ เบอร์โทรศัพท์ และอนุญาตให้ใช้เบอร์โทรศัพท์ผูกโมบายแบงกิ้ง
5.ผู้ที่ต้องได้รับความดูแลตามกฎหมาย ได้แก่ ผู้ไร้ความสามารถ ผู้เสมือนไร้ความสามารถ และผู้พิการ จะต้องนำเอกสารตามคำสั่งศาลแต่งตั้งผู้อนุบาล หรือเอกสารตามคำสั่งศาลแต่งตั้งผู้พิทักษ์ บัตรผู้พิการ หรือเอกสารที่หน่วยงานราชการออกให้ มายื่นแสดงต่อธนาคาร